“จะลงทุนอะไรดีในปี 2566 ?”
ผมเชื่อว่า คำตอบแม้อาจหลากหลาย แต่มั่นใจว่าต้องมีการลงทุนใน “ตลาดหุ้นไทย” ติดโผในใจนักลงทุนอยู่ด้วยอย่างแน่นอน หลังจากที่ 2-3 ปีที่ผ่านมา นับจากสถานการณ์โควิด นักลงทุนไทยจำนวนไม่น้อยมองข้ามตลาดหุ้นไทย ปันใจไปให้ตลาดหุ้นจีน หุ้นสหรัฐอเมริกา หุ้นเทคโนโลยี หุ้นเวียดนาม หรือแม้แต่ สินทรัพย์ดิจิตอลต่างๆ ก็ตาม
แต่ผมเองยังมั่นใจว่า ปี 2566 ตลาดหุ้นไทยยังเต็มไปด้วยโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ
โดยส่วนตัว ผมชอบลงทุนหุ้นไทย ลงทุนมานาน ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2544 รู้จักกันค่อนข้างดี วอเรนบัฟเฟตต์เคยบอกไว้ว่า นักลงทุนควรเลือกลงทุนในสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายความชำนาญของตน (Circle of Competent) ก็ต้องยอมรับว่า ความถนัดรอบตัวผมเองอยู่ที่นี่ ที่ตลาดหุ้นไทย ตามข้อมูลได้ งบการเงินปีละ 4 ครั้ง แหล่งข่าวจากสารพัดช่องทาง หนังสือพิมพ์ คลิป Opp Day หรือสอบถามจาก Investor Relation แม้แต่โอกาสในการทดลองใช้สินค้าและบริการได้จริง
มันพอมีสกิล มีเซนส์ ที่อธิบายได้ยาก พลังงาน ธนาคาร สื่อสาร ค้าปลีก โรงไฟฟ้า รถไฟ โรงแรม สนามบิน การแพทย์ ฯลฯ จัดว่าเป็นตลาดหุ้นที่รู้หลบ รู้หลีก รู้กิน รู้อยู่ เหมือนได้เล่นบอลที่แอนฟิลด์ ได้เตะสนามเหย้า มันมั่นใจ
-> โดนยิงนำ ก็ไม่กลัว...กล้าดันกองหลังขึ้นสูงทำประตูคืน
-> ได้ยิงขึ้นนำ ยิ่งฮึกเหิม...กล้าใส่หน้าเพิ่ม บุกกดดันต่อเนื่อง
ได้เงินปันผลระดับ 3%-4% ขึ้นไป ได้เป็นเงินบาทด้วย เมื่อรับมาแล้วจะเอามาใช้จ่ายก็ดี เติมพอร์ตก็ได้ง่าย ตลาดหุ้นไทยจ่ายปันผลดีไม่แพ้ใคร ไม่ปวดหัวเรื่องภาษีโอนเงิน(จากต่างประเทศ)ในปีเดียว/ข้ามปี
จริงอยู่ว่า ในตลาดหุ้นไทย ส่วนใหญ่เป็นบริษัท old economy ไม่มีใครอยากซื้อถือเก็บแบบนานหลายสิบปี เพราะมีแต่หุ้นที่โตช้าๆ ดูไม่ไปไหนไกล แต่หลายกิจการมันเป็นธุรกิจที่ดีนะครับ บ้างก็ผูกขาด บ้างก็กินขาด บ้างฟื้นตัวแน่นอนหลังจากเปิดประเทศ มันคาดเดาได้ว่าเติบโตช้าแต่มั่นคงได้ยาวนาน
บางกิจการมีกระแสเงินสดมาก มาจากการดำเนินงาน ลงทุนขยายกิจการเดิมต่อได้ บางกิจการก็เอาเงินสดมาซื้อกิจการคนอื่น บางกิจการก็กู้ดอกต่ำมาซื้อ ควบรวม และอีกสารพัด มันมีทางของมันอยู่ และบางกิจการผ่านปีชงมาหมดแล้ว หลังโควิดควรต้องได้ก้าวยาวๆ รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ราคาหุ้นเพิ่ม กะเขาบ้าง ลงทุน 1-2 ปีก็มีลุ้นฟื้นตัวได้แน่นอน
แนวทางการลงทุนและทิศทางของตลาดหุ้นและทิศทางของเศรษฐกิจไทย แน่นอนว่าไม่มีอะไรถูกต้องที่สุด แต่เราจะมาลองคาดการณ์กันในช่วงต้นปี ปลายปีเรามาลองดูกันว่าถูกผิดมากน้อยแค่ไหนนะครับ
ตลาดหุ้นไทยในปี 2566 ถือว่าเห็นโอกาสอัพไซส์ที่เปิดจากปัจจัยบวกหลายประการ
- ทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง หลังจากผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
- อัตราดอกเบี้ยในปี 66 คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการสิ้นสุดขาขึ้นในช่วงไตรมาส 1 ปี 66 นี้
- การเปิดประเทศของไทยและของประเทศจีน ในเดือนมกราคม 66 จะเป็นการเริ่มต้นวงจรการใช้จ่าย บริโภค และการลงทุน รอบใหญ่อีกครั้ง
ณ. จุดนี้ ผมเองยังไม่คาดหวังถึงขั้น Policy U-Turn ของผู้กำหนดนโยบาย(FED หรือ ธนาคารกลางทั่วโลก) หรือการกลับทิศทางนโยบายจากการขึ้นดอกเบี้ย(ซึ่งเป็นพิษต่อตลาดหุ้น) มาเป็นการลดดอกเบี้ย(ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้น) เอาแค่ในไตรมาส 1 เป็นจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปมากกว่านี้ ก็นับเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นอย่างมากมายแล้ว
ในปี 66 ตลาดหุ้นไทยและอีกหลายประเทศในเอเชีย (โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง) เปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆคาดว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า จากความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยน้อยกว่าสหรัฐอเมริกาและยุโรป ประเทศไทยมีการคาดการณ์จีดีพีว่าจะเติบโตขึ้น +3.7% อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลงมาสู่เป้าหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งไว้ไม่เกิน 3%
ธีมการลงทุนในปีนี้ ควรเน้นไปยังกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ หุ้นทุก sector ที่เราเลือก เราต้องหาเหตุผลสนับสนุนการฟื้นตัวหรือการเติบโตให้ได้ เช่น
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนปี 66 คือกลุ่มที่ perform ได้ดีมากในช่วงโควิด ปิดเมือง ราคาพลังงานพุ่งสูงจากสงครามในปีที่แล้ว แต่จะไม่ได้ประโยชน์ในช่วงปีนี้โดยเฉพาะหุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มพลังงาน (หุ้นผลิตน้ำมัน หุ้นโรงกลั่น หุ้นปิโตรเคมี) เนื่องจากราคาพลังงานผ่านรอบวัฏจักรขาขึ้นไปแล้ว และกลุ่มที่มีความผันผวนไปตามวัฏจักรอื่นๆ เช่น หุ้นเดินเรือ (ผันผวนจากค่าระวางเรือ) เป็นต้น