ถ้าใครติดตามหุ้น MAKRO จะพบว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างโดดเด่น โดย
ราคาหุ้นในรอบ 1 เดือน พุ่งขึ้นไปแล้วกว่า 11%
ราคาหุ้นในรอบ 6 เดือน พุ่งขึ้นไปแล้วกว่า 24%
หรือราคาหุ้นรอบ 1 ปี ขึ้นไปแล้วกว่า 5%
สาเหตุที่เป็นแบบนั้น เพราะ นักลงทุนกำลังจะได้เห็นการเติบโตของ MAKRO เป็นเลข 2 หลัก ในปีนี้
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ผลประกอบการของ MAKRO ตั้งเป้าที่จะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก จาก 3 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ
ประเด็นแรก การเน้นยอดขายให้เติบโต
... การเพิ่มขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งแบบ B2B และ B2C
สำหรับ B2B วางแผนเปิดสาขาในไทย 12 สาขา และ 6 สาขาในต่างประเทศ
สำหรับ B2C วางแผนเปิด 14 สาขาในมาเลเซีย เปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขา และ Go Fresh 200 สาขา รวมถึงขยายมอลล์ 19 แห่งในประเทศไทย
... เพิ่มยอดขายผ่าน OmniChannel และภายใต้เครื่องหมายการค้าของ MAKRO เอง
บริษัทต้ังเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่าน OmniChannel สู่ระดับ 15-20% ภายใน 3 ปีข้างหน้า (ปัจจุบันอยู่ที่ 9%)
รวมถึงเน้นการเพิ่มสัดส่วนสินค้าภายใต้เครื่องหมาย MAKRO เองสู่ระดับ 16%
... ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ฟื้นตัว
จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในปี 2566 กลับมาก่อนสู่ระดับ COVID-19 ทั้งในไทยและมาเลเซีย
ประเด็นที่สอง การ Sygergy กับ Lotus's
ทาง Makro ตั้งเป้าว่าบริษัทจะรับรู้จำนวน 2.7 พันล้านบาท และตอนนี้รับรู้ไปแล้ว 1.3 พันล้านบาท ซึ่งผลประกอบการ 10 เดือนของปี 2565 ประหยัด CAPEX ได้ถึงเกือบ 1 พันล้านบาท ผ่านการซื้ออุปกรณ์ร่วมกัน ประหยัดต้นทุน การจัดการสินค้าอาหารสด สินค้า Private Brand และรายได้ค่าเช่าที่ปรับตัวดีขึ้นผ่านการใช้ back-office ร่วมกัน
ประเด็นที่สาม รีไฟแนนซ์หนี้
บทวิเคราะห์คาดว่าต้นทุนทางการเงินของ MAKRO ไตรมาส 4 ปี 2565 น่าจะอยู่ที่ 5% และจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆในครึ่งปีหลังของปี 2566 ผ่านการรีไฟแนนซ์เงินกู้
โดยภาพรวมแล้ว บทวิเคราะห์มองว่า ปี 2566 ยอดขายของ MAKRO มีโอกาสสูงที่จะเติบโตเป็นเลขสองหลัก จากการขยายสาขา ยอดขายที่เพิ่ม รายได้ค่าเช่าเพิ่ม จากที่เคยคาดว่าจะเติบโตเป็นเลขหลักเดียว
แต่สำหรับไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ ผลประกอบการจะออกมาทรงตัว
-------------------------------------------------------
Reference