สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุ้นไทยไม่ผ่าน 1,700 จุด สักที มาจากหุ้นขนาดใหญ่ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามโดยเฉพาะหุ้น SCC และ PTT
สาเหตุเป็นเพราะว่า ตลาดมองผลประกอบการของ SCC แล้วอาจจะไม่ได้ดูดีเท่าไรนัก และมีแนวโน้มว่าไตรมาส 4 ปี 2565 น่าจะ "ทรุดลงหนัก"
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เมย์แบงก์ มองว่า กำไรจะปรับตัวลงแรงถึง -86% yoy มาอยู่ที่ 1.15 พันล้านบาท จาก 3 ธุรกิจหลักที่ทรุดลงหนัก คือ เคมิคอลส์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์
1. ธุรกิจเคมิคอลส์
ความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ลดลง กำไรการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโรงงานบางแห่งของ SCC ปิดซ่อมบำรุง ทำให้ปริมาณขายลดลง รายได้ลดลง และอาจจะพลิกกลับมาเป็นขาดทุนมากถึง 500 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 399 ล้านบาท
2. ธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง
ต้นทุนพลังงานและถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้น และตั้งสำรองในธุรกิจกระเบื้องอีก 570 ล้านบาท ทำให้กำไรเหลือเพียง 50 ล้านบาท ลดลงกว่า -96% yoy
3. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์
ความต้องการที่ลดลง และราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ลดลงค่อนข้างมาก จะทำให้กำไรลดลงเหลือระดับ 1,000 ล้านบาท หรือลดลงกว่า -53%yoy
... พูดง่ายๆ คือ ความต้องการปิโตรเคมียังจำกัด ต้นทุนพลังงานยังสูง และภาวะเงินเฟ้อทำให้กำลังซื้อลดลง
บทวิเคราะห์มองว่า ผลประกอบการของ SCC
ในปี 2565 จะอยุ่ที่ 2.23 หมื่นล้านบาท ลดลง -53% yoy
ในปี 2566 จะอยู่ที่ 3.16 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% yoy เป็นปีของการฟื้นตัวของ SCC แต่ยังเป็นฐานกำไรที่ต่ำ ไม่โดดเด่นมาก เนื่องจากภาพรวมความต้องการของปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัว กำลังการผลิตใหม่ออกสู่ตลาด จะทำให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ของ SCC ยังอยู่ในระดับต่ำ
เรียกได้ว่า ปี 2565 ไม่ใช่ปีที่ดีของ SCC
และจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2566 แต่ทั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามเป้า และเป็นการฟื้นตัวที่ไม่ได้โดดเด่น
ดังนั้น นักลงทุนที่คาดหวังผลประกอบการที่ดีของ SCC อาจจะยังต้องให้เวลาอีกสักพัก
อย่างไรก็ตาม SCC จะประกาศผลประกอบการในวันที่ 25 มกราคม ที่จะถึงนี้ มารอลุ้นไปด้วยกันครับ
----------------------------------------------------
Reference