เวลาเราพูดถึงการฟื้นตัว เรามักจะอ้างอิงจากตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น
... การฟื้นตัวแบบ V - Shape คือ การฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดได้ค่อนข้างเร็ว และแรง เหมือนรูปตัว "V"
... การฟื้นตัวแบบ U - Shape คือ การที่เศรษฐกิจย่ำแย่ และจะแย่ไปอีกสักพักก่อนที่จะค่อยๆฟื้นตัว เหมือนรูปตัว "U"
... การฟื้นตัวแบบ W - Shape คือ การฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ได้เร็ว แล้วตกลงกลับไปอีกครั้งก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกรอบ เหมือนรูปตัว "W"
หลายๆครั้งมักจะใช้อธิบายเหตุการณ์เศรษฐกิจถดถอยซ้ำสอง หรือที่เรียกว่า Double-Dip Recession
แล้วถ้าเป็นการฟื้นตัวแบบ "K" จะเป็นแบบไหน ?
คือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 2 กลุ่ม ที่ไม่ได้ไปด้วยกัน
โดยอีกกลุ่มหนึ่งฟื้นตัวได้ดี พุ่งขึ้นเร็ว
ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งไม่ฟื้นตัว หรือยังย่ำแย่ลงได้ต่อเนื่อง
เหมือนรูปตัว "K" ที่มีเส้นหนึ่งพุ่งขึ้น และอีกเส้นหนึ่งพุ่งลง
ตัวอย่างเช่น เศรษฐกิจไทยในช่วงโควิดระบาดหนัก
กลุ่มธุรกิจประเภทส่งออก ขยายตัวได้ดีเป็นเลขสองหลัก สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโต เหมือนเส้นตัว "K" ที่ทแยงขึ้น
ในขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยังไม่ฟื้นตัว ซบเซาต่อเนื่องและยังใช้เวลาอีกหลายปีในการจะกลับมาเป็นปกติ เหมือนเส้นตัว "K" ที่ทแยงลง
เรายังสามารถนำรูปแบบ K-Shape ไปอธิบายการฟื้นตัวของหุ้นได้ด้วยเหมือนกัน เช่น
หุ้นธนาคารตัวหนึ่ง คาดว่าจะมีแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อไม่เหมือนกัน
โดย ธนาคารที่เน้นปล่อยสินเชื่อประเภท SMEs ที่เน้นส่งออกไปสหรัฐอเมริกาหรือกลุ่มประเทศในยุโรปมีแนวโน้มลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ในขณะที่ สินเชื่อประเภทการท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก มีแนวโน้มจะปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นและอาจจะเป็นเลขสองหลักในปี 2566