ตลาดหุ้นไทยเวลานี้ มีคำอธิบายสั้นๆ 3 คำ คือ
"ต่างชาติเข้า บาทแข็ง หุ้นขึ้น"
คำว่า ต่างชาติเข้า ...
รู้หรือไม่ว่าเมื่อปี 2565 ต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยรวมไปกว่า 5.96 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 2 แสนล้านบาท) โดดเด่นเหนือภูมิภาคเดียวกัน ได้แก่
อินโดนีเซีย ต่างชาติซื้อสุทธิ 4.28 พันล้านเหรียญ
ฟิลิปปินส์ ต่างชาติขายสุทธิ 1.24 พันล้านเหรียญ
เกาหลีใต้ ต่างชาติขายสุทธิ 9.66 พันล้านเหรียญ
ไต้หวัน ต่างชาติขายสุทธิ 44.35 พันล้านเหรียญ
... พอเข้าปี 2566 เพียง 5 วันทำการ ต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยไปแล้ว 346 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มจะซื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อต่างชาติเข้า บาทก็เลยแข็ง ...
ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดยปีนี้แข็งไปแล้ววกว่า 3.3%yoy และเป็นการแข็งมากที่สุดในอาเซียน
เมื่อบางแข็ง หุ้นไทยก็ขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนมีมุมมองในเชิงบวกมากยิ่งขึ้น
คำถาม คือ ทำไมภาพจึงออกมาอยู่ในเชิงบวก แบบนั้น ?
คำตอบ น่าจะมาจาก 3 เหตุผลด้วยกัน คือ
1. เศรษฐกิจไทยโตโดดเด่น
สำนักเศรษฐกิจหลายแห่ง มองว่าประเทศไทยขยายตัวได้ต่อเนื่องราวๆ 3.8% yoy ท่ามกลางความเสี่ยงโลกจะเข้าสู่สภาวะ Recession
2. เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้น
เดือนกันยายน ปี 2565 เงินทุนสำรองของไทยอยู่ที่ 0.199 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และค่อยๆมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
โดยเดือนธันวาคม ปี 2565 เงินทุนสำรองของไทยอยู่ที่ 0.217 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากแรงหนุนของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักท่องเที่ยวจีนที่จะเริ่มเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
3. อัตราเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
เงินเฟ้อของไทยทำจุดสูงสดไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2565 อยู่ที่ +7.9% yoy
และลดลงเรื่อยๆ ในเดือนธันวาคม ปี 2565 อยู่ที่ +5.9% yoy ซึ่งต่ำกว่าที่คาดกันเอาไว้
สำหรับปี 2566 น่าจะปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องมาอยู่ระดับ +2.7% yoy ได้ไม่ยาก ซึ่งตรงกับกรอบเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทยที่น่าจะอยู่ระดับ 1-3%
พูดง่ายๆ คือ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยเด่น สถานะทางการเงินของไทยแข็งแกร่ง เป็นแรงหนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าหุ้นไทยมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
แต่เราต้องไม่ลืมว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา การปรับตัวขึ้นมาโดดเด่นอาจจะเห็นจังหวะของการพักตัวระยะสั้นก็เป็นไปได้