ประเด็นข่าวตอนนี้ที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง JKN เพิ่มทุน 
การเพิ่มทุนครั้งนี้ JKN มีทุนจนดทะเบียนเดิม 509.83 ล้านบาท และต้องการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น  1,019.79 ล้านบาท 
ดังนั้น JKN ต้องเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญอีก 1,019.91 ล้านหุ้น ในราคาพาร์ 0.5 บาท 
โดยจะเพิ่มทุนให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม 1 หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคา 3 บาท และบริษัทวางแผนในการนเงนเพิ่มทุนไปชำระคืนหนี้ แบ่งออกเป็น 
... คืนหนี้กู้ยืม 55%
... เงินทุนหมุนเวียน 30% 
... รองรับการลงทุนในอนาคต 15%
แน่อนนว่า แผนการนี้ แลกมากับ dilution effect ของหุ้นที่จะลดลงราวๆ 50% 
พูดง่ายๆ คือ ผู้ถือหุ้นเดิมที่มี 100 หุ้น และถ้าไม่เพิ่มทุน หุ้นที่ตัวเองถืออยู่จะมีมูลค่าเหลือเพียงราวๆ 50 หุ้นเท่านั้น

ถามว่า ตลาดมองอย่างไรต่อประเด็นการเพิ่มทุนของ JKN 
คำตอบคือ ตลาดมองอยู่ 2 ประเด็น คือ 
1. การเพิ่มทุนครั้งนี้ สูงกว่าความคาดหมาย สร้างเซอร์ไพรส์ในทางลบให้กับตลาด (ดูจากราคาหุ้นที่ลดลง)
2. การเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้หนี้ แสดงให้เห็นว่างบการเงินของ JKN ไม่ได้ดูดีอย่างที่ตลาดคาดคิดกันไว้ 
โดยเฉพาะประเด็นแรก คือ การเพิ่มทุนครั้งนี้สูงกว่าความคาดหมาย 
เป็นเพราะว่า จำนวนหุ้นสามัญของ JKN อยู่ที่ ที่ 729.69 ล้านหุ้น
แต่การเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้จำนวนหุ้นสามัญของ JKN อยู่ที่ 1,506.38 ล้านหุ้น หรือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าหนึ่ง
ถ้า JKN มีกำไรเท่าเดิม เวลาหาค่าเป็นกำไรต่อหุ้น (EPS) ก็จะถูกลดลงครึ่งหนึ่ง
เวลาจ่ายเงินปันผลก็จะได้น้อยลงตามไปด้วย ...

แต่เราต้องไม่ลืมว่า ความกังวลเรื่องของการเพิ่มทุนสะท้อนลงไปในราคาหุ้นที่ลดลงอย่างรวดเร็วแล้ว
และ JKN ก็มีการลงทุนในธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ล่าสุดการเข้าซื้อธุรกิจ Miss Universe Organization (MUO) จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการให้เพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากการหวังพึ่งรายได้จากการขายคอนเทนต์ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของ JKN เพียงอย่างเดียว

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า ประมาณกำไรของ JKN เอาไว้ว่า ... 
กำไรปี 2566 น่าจะอยู่ที่ 360 ล้านบาท แต่ถ้ารวม MUO จะอยู่ที่ 680 ล้านบาท
กำไรปี 2567 น่าจะอยู่ที่ 349 ล้านบาท แต่ถ้ารวม MUO จะอยู่ที่ 460 ล้านบาท
พร้อมทั้งนำเงินไปชำระหนี้ประมาณ 1,243 ล้านบาท ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 20% 
ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง จะช่วยชดเชยจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น (dilution effect) ได้ในอนาคต

พูดง่ายๆคือ การเพิ่มทุนเป็นมุมมองลบระยะสั้น แต่เมื่อมองไปในระยะยาวแล้วถือเป็นมุมมองเชิงบวก
และราคาหุ้นที่ลดลง ถือว่าสะท้อนความกังวลเรื่องเพิ่มทุนไปมากพอสมควรแล้วนั่นเอง

-------------------------------------------------
Reference

ข่าว , ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ข่าวหุ้นธุรกิจ

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า