มีคำพูดในตลาดหุ้นกล่าวกันว่า
"เมื่อใดที่เราเห็นหุ้นขึ้นแล้วอยากซื้อตาม สิ่งที่เราควรทำ คือ กลับไปศึกษาพื้นฐาน"
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ราคาหุ้นมันสามารถขึ้นไปได้เรื่อยๆไม่รู้จบ
แต่สิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งให้ราคาหุ้นยืนอยู่ในระยะยาวได้หรือไม่ คือ "พื้นฐานของกิจการ"
หุ้น Delta สร้างผลตอบแทนอย่างโดดเด่นในปี 2565 สูงถึง 100%
และถ้าเรานับไปตั้งแต่ปี 2562 พบว่าหุ้น Delta ให้ผลตอบแทนสูงเกือบ 1,100%
ซึ่งคำอธิบายสาเหตุของหุ้นขึ้น น่าจะมาจาก 2 ประเด็นหลักๆด้วยกัน คือ
1. เป็นหุ้นที่มี Free float ต่ำเพียง 23.5% จึงทำให้ราคาหุ้นผัวผนได้ง่าย
2. การเข้าสู่การคำนวนดัชนี SET50 ทำให้มีแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน
แต่กลับไม่ได้มีคำอธิบายในเชิงพื้นฐานเลย ทำให้เราต้องกลับมามองพื้นฐานว่า Delta ทำธุรกิจอะไรและผลประกอบการเป็นอย่างไร ...
ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่า Delta ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า (Power management solutions) รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท ได้แก่ พัดลมอิเล็กทรอนิกส์ (DC Fan) อีเอ็มไอ ฟิลเตอร์ (EMI) และโซลินอยด์
ซึ่งถ้าเราแบ่งสัดส่วนรายได้จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มธุรกิจพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ สัดส่วนรายได้ 72.8%
2. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน สัดส่วนรายได้ 24.5%
3. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์อัตโนมัติ สัดส่วนรายได้ 2.5%
4. อื่นๆ สัดส่วนรายได้ 0.2%
ผลประกอบการที่ผ่านมา ...
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 51.83 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 2.96 พันล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 63.82 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 7.10 พันล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 84.81 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 6.69 พันล้านบาท
ปี 2565 ผลประกอบการ 9 เดือนบริษัทมีรายได้ 84.71 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 11.1 พันล้านบาท
ซึ่งถ้าดูตั้งแต่ปี 2562 - 2564 พบว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ Delta จะอยู่ราวๆ 21% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7-8%
จะมีเพียงผลประกอบการล่าสุด ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ Delta มาอยู่ที่ 23-25% และกำไรสุทธิมาอยู่ระดับ 13%
แน่นอนว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุ้น Delta ราคาหุ้นกระโดดขึ้นมาร้อนแรง น่าจะเป็นเรื่องของผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในแง่ของรายได้ กำไรสุทธิ รวมถึงความสามารถทางการแข่งขันที่สะท้อนลงไปในอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น
คำถาม คือ Delta มีธุรกิจใหม่ที่ทำให้มีความน่าสนใจ มากเพียงพอจะทำให้บริษัทมีการเติบโตรอบใหม่ ?
คำตอบ คือ Delta มีธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจอย่างมากคือ ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center)
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส มองว่า รายได้ของ Delta จะเติบโตต่อเนื่องประมาณ 20% yoy จากธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (ชิ้นส่วนสำคัญ โครงสร้างพื้นฐาน-สถานีชาร์ต) และธุรกิจศูนย์จัดเก็บข้อมูล ที่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้ามาแล้ว 6-12 เดือนซึ่งจะส่งผลกระทบให้ครึ่งหลังของปี 2566 เติบโตอย่างมากและทำให้ภาพรวมของผลประกอบการมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงแตะระดับ 25%
บทวิเคราะห์ยังมองอีกว่า ผลประกอบการปี 2565 ที่จะถึงนี้ กำไรสุทธิจะทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เติบโตสูงถึง 131% yoy มาอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และเติบโตอีก 6.1% yoy มาอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ในปี 2566
อย่างไรก็ตาม ในเชิงธุรกิจ Delta ถือว่ามีความน่าสนใจและธุรกิจหลักยังไปได้สวน แต่เนื่องจากว่า Valuation ราคาหุ้นที่แพงแล้ว
สะท้อนจาก P/BV ที่ 20 เท่า และ P/E ที่ 78 เท่า
สอดคล้องกับบทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวงที่มองว่าราคาหุ้น Outperform เกินไป และไม่น่าจะโดดเด่นแบบนั้นได้อีกครั้ง ...
-------------------------------------------------
Reference
รายงานประจำปี 2564 บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ข้อมูล FactSheet : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง