ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นยังเป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่นอยู่ ผมเริ่มมองหาวิธีที่จะเกษียณตัวเองก่อนอายุ 50 ปีซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก ในการตัดสินใจที่จะใช้ การลงทุนหุ้น เป็นเครื่องมือ
การประกอบอาชีพ ต่อให้เก่งอย่างไร ได้ค่าตอบแทนมาก็ได้แต่สะสม ถ้าลงทุนไม่เป็น เงินออมที่กองในแบงค์ก็ได้ดอกเบี้ยที่สุดอืด การเสาะหาการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองนั่นจึงเป็นคำตอบในการที่จะให้เงินสะสมทวีค่าในตัวเองได้
หุ้น เป็นการลงทุนที่จัดว่ามีความเสี่ยง ซึ่งก็ยังมีแยกย่อยในแต่ละประเภทของการลงทุนอีก เช่น เน้นหุ้นปันผล , เน้นหุ้นวีไอ , เน้นหุ้นเล็ก, เน้นหุ้นเทิร์นอะราวด์ หรือ เน้นเทรดโดยใช้เทคนิค ใช้กราฟ ก็เป็นอีกแนว จะเห็นได้ว่า แม้แต่การลงทุนในหุ้นประเภทเดียว ยังมีรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างให้เลือกอีกเป็นร้อย เป็นพันประเภท
คนที่ยังไม่เคยลงทุน อาจจะมองว่า หุ้น ก็คือ หุ้น แต่คนที่มีประสบการณ์ จะแยกแยะ ประเภทของการลงทุนหุ้น แต่ละประเภทออก เรื่องตรงนี้ ต้องค่อยๆเรียนรู้โดยอาศัยประสบการณ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเกินไปแน่นอน
แรกเริ่มทีเดียว ตอนผมเริ่มลงทุนหุ้นใหม่ๆ ชอบความหวือหวา หุ้นตัวไหนวิ่งขึ้น-ลง ในแต่ละวัน ก็ขอจิ้มซื้อ สนุกในการมีส่วนร่วม วันไหนกำไร ก็ดีใจ ส่วนวันไหนขาดทุน ก็ซึมเศร้า บวก ลบ คูณ หาร ตอนจบซีซั่นปีแรก ผลคือ ขาดทุน ยับ
แต่ก็ต้องขอบคุณความล้มเหลว ในช่วงแรกนี่แหละ ทำให้ต้องกลับมาทบทวน วิธีการลงทุนของตนเอง
แล้วก็เจอรูโหว่รูใหญ่ ทั้งยังได้ค้นเจอตัวเองอย่างจัง นี่ถือว่าเป็นผลพลอยได้ ของการที่ได้เจอปัญหา แล้วได้มานั่งทบทวนตรึกตรองอย่างจริงจัง
ปัญหาเรื่อง หุ้น ที่ได้เจอ คือไปเสพติดการเทรดรายวัน อารมย์การพนัน ทั้งๆที่ไม่ได้มีเวลาเฝ้าหน้าจอ มีงานประจำต้องทำ แต่คันไม้คันมือต้องเคาะซื้อทุกวัน แล้วเวลาหุ้นตก ก็ต้องจำใจขายขาดทุน ปัญหาเกี่ยวกับ ตัวเอง ที่เจอ ก็คือ ความโลภ ที่มีมากไป กับเป้าหมายการลงทุนที่ไม่ชัดเจน
การเริ่มต้นใหม่ หลังพายุฝนซา ฟ้าเริ่มสว่าง เป้าหมายความมั่งคั่งที่เคลียร์ นำมาซึ่งเป้าหมายการลงทุนที่ชัด ความเข้าใจในเรื่องความเติบโตของพอร์ตการลงทุนที่ไม่ต้องอิงกับกำไรหรือขาดทุนรายวัน ทำให้วิธีการเลือกหุ้นแตกต่างไปการให้ระยะเวลาที่มากขึ้น ด้วยการถือหุ้นให้ยาวขึ้น ซื้อ-ขาย น้อยครั้งลง ทำให้เกิดกำไรที่สามารถนำมาทบ (Re-Invest) แล้วลงทุนในหุ้นตัวใหม่ นั่นสนุกและมั่นคงกว่าการดูแค่กำไรรายวันแบบต้องลุ้นเหนื่อยและเครียดทุกวัน
เมื่อเข้าใจว่า การซื้อหุ้น คือการซื้ออนาคต การซื้อหุ้นที่มีอนาคตเดือนหน้า หรือ ปีหน้า ที่ดี ราคาควรจะต้องสูงกว่าวันนี้ นั่นทำให้ต้องทำการบ้านหาหุ้นที่มีคุณสมบัติตรงนี้ ประกอบกับการแบ่งการเข้าซื้อเป็นไม้ๆ จาก 100% ก็ซอยเป็นซัก 3-5 ครั้ง ก็ช่วยในการลดต้นทุนได้ ถ้าหุ้นที่เราเลือกว่าดีแล้ว ไม่ได้ไปในทิศทางที่ควรเป็น นั่นก็ทำให้ได้หุ้นดีๆที่ราคาถูกลง ตรงนี้ก็สำคัญ
ตลาดหุ้นมีเสน่ห์.. ไม่มีการบังคับให้เราต้องซื้อหุ้นตัวไหนในเกือบ 700 ตัวที่มี ไม่มีการบังคับว่าต้องซื้อเมื่อไหร่
และไม่มีการบังคับว่าจะซื้อกี่ครั้ง ทั้งหมดเป็นอิสระของนักลงทุน อะไรที่คิดว่าดีก็ทำไป เอาที่สบายใจ เลือกเองได้
ในปี 2009 ผมสามารถเกษียณตัวเองได้ จากการลงทุนหุ้น ก่อนเป้าหมายที่ตั้งไว้ แล้วชีวิตหลังจากนั้น ก็สามารถเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองรักได้อย่างสนุก การลงทุนยังเดินหน้าต่อเนื่อง ในขณะที่ก็ยังทำอาชีพใน Passion ตนเอง ความมั่งคั่ง (Wealth) จริงๆเกิดจากการลงทุน ส่วนอาชีพทำให้เกิดกระแสเงินสด (Cash Flow) ที่พร้อมจะแปลงไปเป็นหุ้นเมื่อรายได้มีมากกว่ารายจ่าย
ชีวิตนักลงทุนเป็นเรื่องที่สนุก เมื่อได้ค้นเจอวิธี และ ค้นเจอตนเอง และการลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่การลงทุนที่เราจะต้องได้กำไรสูงสุด แต่ต้องเป็นการลงทุนที่เราเข้าใจและเสริมสร้างให้พอร์ตการลงทุนเติบโตต่อเนื่อง " ต้องเสี่ยงบ้าง และไม่เสี่ยงบ้าง " บริหาร ระหว่าง อารมณ์โลภ กับ อารมณ์กลัวให้อยู่
เมื่อเอาอยู่ ชีวิตนักลงทุนก็ว่ากันยาวๆ ไม่มีคำว่าเกษียณ สำหรับ อาชีพนักลงทุนนี้ และขณะเดียวกันนั้น ทุกก้าวของทางเดินของชีวิต ล้วนเป็นการลงทุน..
อยากให้ชีวิตดีขึ้น ต้องลงทุนทำตัวเองให้ดีขึ้น.. อยากเก่งขึ้น ต้องลงทุนทำให้เก่งขึ้น ไม่ต้องรีบ แต่ขอให้มีกำไรในระยะยาว พอร์ตการลงทุนโตขึ้น และชีวิตต้องดีขึ้น ต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ... ถ้าเป็นนักลงทุนจะเข้าใจตรงนี้ดี
" ไม่มีอะไรจะได้มาเอง ถ้าไม่ลงทุน "