เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น Disney ถูกเทขายอย่างหนัก -4% ส่งผลให้ราคาหุ้นทำจุดต่ำสุดในรอบปี
ด้วย Performance สุดย่ำแย่ที่ -44% ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมาในคืนวันอังคาร +1.45% มาอยู่ที่ 87 เหรียญต่อหุ้น
.
ถามว่าสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น Disney ร่วงมาจากเหตุผลอะไร
น่าจะมาจากเหตุผล 3 ข้อด้วยกัน คือ
1. ผลประกอบการล่าสุด ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด
2. ค่าใช้จ่ายในการทำ Disney+ สูงกว่าคาด และกำลังกดดันผลประกอบการโดยภาพรวม
3. นักลงทุนมองว่ายอดผู้ใช้บริการของ Disney+ อาจจะเติบโตลดลง
แต่ถ้าถามว่า #ตอนนี้ อะไรคือปัจจัยกดดันราคาหุ้น Disney มากที่สุด
น่าจะเป็นเรื่องของ ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดอย่าง Avatar: The Way of Water ที่กระแสตอบรับออกมาแย่กว่าคาด
ประเด็นคือ แค่ภาพยนตร์ Avatar เพียงเรื่องเดียวสามารถส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น Disney ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
คำตอบคือ มีความเป็นไปได้
เราต้องเข้าใจก่อนว่า ตลาดหุ้นเป็นเรื่องของความคาดหวัง เมื่อไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดจึงเกิดการเทขายหุ้นกันเกิดขึ้น
แต่เดิมตลาดคาดว่า Avatar: The Way of Water น่าจะทำรายได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท
ในขณะที่ภาพยนตร์กลับทำรายได้ไปเพียง 4,600 ล้านบาท
อีกทั้งผู้สร้าง Avatar ได้เปิดเผยอีกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนสร้างสูงมาก ซึ่งถ้าจะทำกำไรได้จริงๆภาพยนตร์จำเป็นจะต้องเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของประวัติศาสตร์
หรือพูดง่ายๆคือ หนังต้องทำเงินอย่างน้อยๆ คือ 72,300 ล้านบาท
... ซึ่งดูๆแล้วอาจจะมีความเป็นไปได้ที่น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม Disney มีเฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากในมือ และไม่ได้มีดีแค่สร้างภาพยนตร์อย่างเดียว
ตลาดเชื่อว่า Disney อาจจะนำ Avatar ไปต่อยอดทำเงินอย่างอื่นได้อีกหลากหลายวงการ เช่น ของเล่น ของสะสม และเกม
หรือแม้แต่การนำทรัพยากรไปฉายบนแพลตฟอร์มตัวเองอย่าง Disney+ ที่จะเรียกผู้ใช้บริการได้อีกมาก
คิดว่าประเด็นเรื่อง Avatar ทำเงินได้น้อยกว่าคาด เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว
เรื่องที่สำคัญ ยิ่งกว่า คือเรื่องของค่าใช้จ่ายในการทำ Disney+ สูงกว่าคาด และกำลังกดดันผลประกอบการโดยภาพรวม ต่างหาก