วันนี้มีหุ้นน้องใหม่ IPO ที่เข้าตลาดมาและถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมากในแง่ของการเติบโต คือ บริษัท สตาร์ มันนี่  จำกัด (มหาชน) หรือ SM
บริษัททำธุรกิจอะไร และความน่าสนใจอยู่ตรงไหน
อยากจะเล่าให้ฟังแบบสั้นๆ แบบนี้ครับ

1. บริษัททำธุรกิจอะไร ผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ?
SM ทำธุรกิจ 2 ธุรกิจหลัก คือ 
... ธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ตู้แช่ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งในรูปแบบการจำหน่ายสินค้าแบบขายเงินสดและขายผ่อนชำระ ซึ่งจัดทำเป็นสัญญาเช่าซื้อ โดยจำหน่ายสินค้าผ่าน “ร้านสตาร์มันนี่” ในจังหวัดระยองและจังหวัดจันทบุรี รวมถึงมีบางส่วนจำหน่ายผ่าน Platform E-Marketplace 

... ธุรกิจปล่อยสินเชื่อประเภทต่างๆ ได้แก่   สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน  สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อทะเบียนรถ สินเชื่อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยมีหลักประกันเงินให้กู้ยืม ได้แก่ เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ เล่มทะเบียนรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง เล่มทะเบียนรถยนต์เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย

โดยผลประกอบการที่ผ่านมา พบว่า ...
ในปี 2562 บริษัทมีรายได้ 1.08 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 78 ล้านบาท
ในปี 2563 บริษัทมีรายได้ 1.03 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 47 ล้านบาท
ในปี 2564 บริษัทมีรายได้ 1.23 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 102 ล้านบาท
เท่ากับว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ราว 7-9% 
.
สัดส่วนรายได้หลักมาจาก
รายได้จากการขาย สัดส่วน 54%
รายได้ดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืม สัดส่วน 40%
รายได้จากดอกเบี้ยเช่าซื้อ สัดส่วน 4%
รายได้จากค่าธรรมเนียม สัดส่วน 2%

2. ราคา IPO แพงไปหรือยัง ? 
การเสนอขายที่ราคา 2.04 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 17.25 เท่า
โดยตัวเลขนี้มาจากการคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด คือ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565
และนำค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทเทียบเคียงในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า P/E เฉลี่ยจะอยู่ราวๆ 29.71 เท่า

3. การเติบโตต่อจากนี้ คืออะไร ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส แสดงความคิดเห็นว่าจุดที่น่าสนใจของ SM คือการตั้งเป้าในการขยายสาขาราวๆ 10-15 สาขาต่อปี และจะเน้นสาขาแบบ Express ซึ่งเป็นสาขาที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กและสามารถปล่อยสินเชื่อได้ด้วยซึ่งก็จะหนุนให้แนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยรับ จากสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเงินกู้ยืมปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ถ้าสมมุติว่าบริษัทขยายสาขาได้ตามเป้า จะทำให้กำไรสุทธิของ SM เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2565 จะเติบโต 7% yoy
ในปี 2566 จะเติบโต 36% yoy
ในปี 2567 จะเติบโต% yoy
ดังนั้น P/E ที่เหมาะสมของ SM คิดจาก Terminal Growth ที่ 6% ควรจะอยู่ที่ 20.6 เท่า และ P/BV 2.4 เท่า

นี้เป็น 3 ข้อต้องรู้ก่อนลงทุนในหุ้น SM ครับ ...

-------------------------------------------------------------------------------
Reference

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ข้อมูล Filing : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส