ถึงแม้ว่าเราจะเห็นตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนผันผวนอย่างหนัก
ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐจะแถลงผลการประชุม
เราจะเห็นความกังวล ทำให้นักลงทุนเทขายไปถึง -800 จุด ภายในวัน
จนกระทั่งแถลงเสร็จ ตลาดจะปิด -142 จุด (-0.42%) แสดงให้เห็นว่านักลงทุนไม่ได้กังวล และออกจะมีแนวโน้มเชิงบวกด้วยซ้ำ
สรุปประเด็นการแถลงเมื่อคืน มีสาระสำคัญ คือ
1. คณะกรรมการ FED ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนไม่ได้กังวลกับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
2. นายเจอโรม พาวเวล บอกว่าจะไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ และมีแนวโน้มจะขึ้นอีกในปีหน้าโดยมีเป้าหมายของเงินเฟ้อ คือ 2%
3. ตลาดมองว่า FED จะปรับดอกเบี้ยเพิ่มอีก 0.75% ในปี 2566
และจะปรับลดลง 1% ในปี 2567
และจะลดอีก 1% ในปี 2568 เท่ากับว่าดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ราวๆ 3% - 3.25% ซึ่งจะตรงกับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2.5% พอดี
... พูดง่ายๆคือ FED จะยังขึ้นดอกเบี้ยต่อ แต่การขึ้นดอกเบี้ยจะไม่แรงเหมือนที่ผ่านมา
และตลาดมองว่าเรื่องของดอกเบี้ยน่าจะจบลงภายในปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.5%
ในขณะที่ทางฝั่งยุโรป ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
ดังนั้นเราอาาจจะ ECB และ BOE อาจจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
โดยนักลงทุนมองว่า คืนนี้จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5% ของทั้งสองธนาคารกลางเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ FED เพราะถ้า FED ขึ้นดอกเบี้ยช้า จะไม่เป็นการกดดันให้ประเทศอื่นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม จะส่งผลดีอยู่ 2 ประการ คือ
1. ค่าเงินจะมีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่ผันผวนเหมือนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงประเทศไทย
2. กลไกดอกเบี้ยมีความสมดุล จะเป็นผลดีกับองค์กร รวมถึงการบริโภคภายในประเทศ
นอกจากนี้ค่าเงินที่มีเสถียรภาพ อัตราดอกเบี้ยที่ไม่เร่งขึ้นจะหนุนให้ FundFlow มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น นับเป็นผลดีต่อนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นครับ