หลายคนน่าจะได้รู้จัก 1 ในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง “NFT” กันมาบ้างแล้ว
ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ NFT กลายเป็นกระแสร้อนแรง มีคนดังจำนวนมากให้ความสนใจ จนถึงมีการประมูลถึงขั้นหลายร้อยล้านบาท
อย่างเช่น “จัสติน บีเบอร์” ศิลปินเพลงป็อปชื่อดังระดับโลก ได้ทำการซื้อ Bored Ape Yacht Club หรือว่าภาพ “ลิงขี้เบื่อ” หมายเลข #3001 มาในราคา 500 ETH หรือราว ๆ 43 ล้านบาท ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ซึ่งนอกจากบีเบอร์ ก็ยังมีคนในวงการอื่นๆแห่ไปซื้อ NFT เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “เนย์มาร์" ดาวเตะทีมชาติบราซิล หรือแม้กระทั่ง “เซเรน่า วิลเลียมส์” นักเทนนิสระดับตำนาน ก็มี NFT กับเขาเหมือนกัน
ทำให้หลายๆคนเริ่มหันมาให้ความสนใจ NFT กันมากขึ้น จนเกิดกลายเป็นกระแสนั่นเอง
แต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงไปทั่วโลก ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ต้องขึ้นดอกเบื้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกถูกเทขายอย่างหนัก
คริปโทเคอร์เรนซี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง จึงได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้ราคาร่วงไปกว่า -60% เมื่อเทียบจากต้นปี
เมื่อราคาสกุลเงินดิจิทัลลดลง NFT ซึ่งเป็นหนึ่งในประเภทของคริปโทฯ ก็ลดลงตามตามไปด้วย ทำให้กระแส NFT ไม่คึกคักเหมือนเมื่อปีก่อนๆ
แต่ถ้าใครที่ติดตามวงการสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่า NFT ยังไม่หายไปไหน ยังมีศิลปิน หรือผู้พัฒนา ทยอยออกลายใหม่ๆ ถึงแม้ว่ายอดซื้อขายในตลาด NFT Marketplace จะลดลงไปมากก็ตาม
มิหนำซ้ำ แบรนด์ดังระดับโลกต่างๆมากมาย เริ่มหันมาใช้ NFT เป็นเครื่องมือการตลาดกันมากขึ้น
เพราะ NFT ไม่ได้มีไว้เพียงแค่สะสม หรือเก็งกำไรเท่านั้น แต่เพราะมีระบบบล็อคเชนรองรับ จึงสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อื่นๆได้
เช่นในต่างประเทศ ได้มีการนำ NFT มาใช้กับงานเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella 2022 ที่มีการนำ NFT มาใช้เป็นบัตรเข้างาน โดยเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ถือ NFT ด้วยการเข้าไปแลกสมุดภาพถ่ายงาน Coachella ตั้งแต่ปี 1999-2019
หรือจะเป็นเรื่องที่เราใช้ในชีวิตจริงๆ อย่างการเดินทาง เมื่อหนึ่งในสายการบินยักษ์ใหญ่จากสเปนอย่าง Air Europa ได้ออกตั๋วโดยสารออกมาในรูปแบบ NFT โดยใช้ระบบบล็อคเชนบันทึกธุรกรรมการเดิมทาง และหากใครที่มี NFT ยังได้ร่วมเที่ยวบินสุดพิเศษอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าธุรกิจต่างๆ เริ่มมีการใช้ NFT กันมากขึ้น ด้วยการที่ NFT เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทดแทนได้ มีเพียงชิ้นเดียวในโลก และมีมูลค่าในตัวของมันเอง มีระบบบล็อคเชนรองรับ ทำให้ง่ายต่อการยืนยันสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ NFT ชิ้นนั้น
และนี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างธุรกิจที่นำ NFT มาใช้กับสินค้าตัวเอง เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนา และหาทางนำ NFT มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ
ไม่ช้าก็เร็ว NFT อาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราเลย ก็เป็นได้
เปิดโลก NFT สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ให้คุณค่ามากกว่าแค่ผลกำไร
กับหลักสูตร “NFT Analytics”
วิธีเลือก NFT ที่ใช่ สะสมได้ ลงทุนดี