การที่รัฐบาลไฟเขียวการเก็บ "ภาษีขายหุ้น"
บอกตรงๆ อย่างที่เคยเขียนไปแล้ว
คือ "ไม่เห็นด้วยครับ"
1. นักลงทุน จ่ายภาษีผ่านทางบริษัทอยู่แล้ว
ผู้ถือหุ้น คือ ผู้ถือส่วนย่อยๆของบริษัท
บริษัท คือ นิติบุคคลที่เสียภาษีต่างๆประดามี มาอย่างดีและต่อเนื่อง
ผู้ถือหุ้นเขาจ่ายภาษีมาหลายอย่างแล้ว ผ่านบริษัทนั่นแหละ
เช่น ถ้าคุณถือ หุ้นสื่อสาร บริษัทนึง
บริษัทของคุณได้จ่ายอะไรเข้ารัฐไปบ้าง
รู้หรือไม่???
"ค่าประมูลคลื่น ค่าเลขหมายโทรคม ค่าโทรคมนาคมทั่วถึง USO ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตต่อปี ฯลฯ"
ทั้งหมดนี้จ่ายให้องค์กรอิสระ ที่สุดท้ายเขาก็จะส่งเงินเข้ากระทรวงการคลัง นี่คือภาษีธุรกิจแบบนึงนั่นแหละ
และหลังจากทำมาหากิน ต่อสู้ดิ้นรนในสงครามธุรกิจ พร้อมจ่ายสารพัดค่าธรรมเนียมข้างต้นเข้ารัฐ เหลือกำไรเกือบสุดท้ายที่เรียกว่า EBT (Earnings Before Tax)
บริษัทคุณยังต้องจ่าย ด่านสุดท้าย ที่เรียกว่า "ภาษีเงินได้นิติบุคคล" เสียอยู่ในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษี
เหลือกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้าย
นั่นแหละคือตัวชี้วัดมูลค่าหุ้นแบบนึง และผู้ถือหุ้น ก็เท่ากับได้ร่วมเสียภาษีบนกำไรสุทธิ (bottom line) แล้วนั่นแหละ
2. นักลงทุน ต้องเสีย VAT บนค่าคอม... ตีตั๋วมาถือหุ้น ก็ต้องจ่ายที่ขาซื้อ
การที่คุณจะตีตั๋วเข้าเป็นผู้ถือหุ้น คือต้องซื้อหุ้น
และคุณต้องเสียค่า commission fee ให้โบรคเกอร์ 0.15-0.17%
และเป็นที่มาว่าคุณต้องเสีย VAT บนค่าธรรมเนียมนี้ด้วย
นี่ก็ภาษีใช่ไหม
3. นักลงทุน โดนภาษีปันผลเต็มๆ เสีย ณ.ที่จ่าย
ระหว่างการถือหุ้น และได้รับเงินปันผล
นี่คือรายได้เงินปันผลที่นักลงทุนได้รับ
ซึ่งมันแบ่งจ่ายมาจากกำไรสุทธิตามข้อ 1
ซึ่งสารพัดจะหักมาแล้ว...ละนี่จะต้องเสียภาษี ณ ที่ จ่าย 10% ด้วย
นี่ก็ภาษีอีกแล้วใช่ไหม
4. ขายตั๋วออกจากการถือหุ้น ก็ต้องจ่าย VAT ที่ขาขายอีก
ไม่สนว่าจะกำไร เท่าทุน หรือขาดทุน...
ตอนขายหุ้น คุณต้องเสียค่า commission ให้โบรคเกอร์ และเสีย VAT บนนั้น อีกรอบเหมือนขาเข้า
นี่ก็คือภาษีนั่นแหละ
5. ยิ่งถ้าเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงๆ
เล่น DW หรือ Single Stock Futures
โอ้โห นี่ถือว่าเสียค่าธรรมเนียมนู่นนี่ บางกรณีมีดอกเบี้ยจ่าย บางกรณีมี Time Decay บนสินค้า ที่เยอะอยู่แล้วนะ
คนค้าขาย ยังมี VAT ซื้อ VAT ขาย
ถ้าภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อ (ภาษีขาย > ภาษีซื้อ) ก็ค่อยนำส่ง VAT ให้รัฐ
แต่ถ้าภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย (ภาษีซื้อ > ภาษีขาย) ... อันนี้กิจการสามารถขอคืนภาษีเป็นเงินสดหรือนำส่วนเกินไปใช้เป็นเครดิตภาษีในเดือนถัดไปได้
แต่ซื้อขายหุ้น พวกเราเหล่าเม่าปีกเหล็กไม่มีเครดิตภาษีนะ
โดนเป็นโดนอย่างเดียว
เรื่องเสียวก็อยู่ที่เรา เอามาหักอะไรไม่ได้นะ
เราเป็นสปีชีส์จำพวกรับความเสี่ยงเอาเอง เต็มๆใบไม่หัก
สุดท้าย ถ้ารัฐจะเก็บ "ภาษีการขายหุ้น" อีกในทุกธุรกรรม 0.1%
-> มันจะดีหรือ เม่าไทยจ่ายภาษีไปเยอะละนะ
-> มันจะดีหรือ วอลุ่ม SET จะหายไปเยอะนะ
-> มันจะดีหรือ..ปีนี้ เม่าไทย 10 คน ขาดทุน 8 คนนะ
บ้างก็โดนหุ้นไทย หุ้นไฟแนนซ์ หุ้นถุงมือ หุ้นวัฏจักร
บ้างก็ไปโดนจีน โดนเวียดนาม โดนหุ้นเทค และโดนคริปโต
คือแก้ชงกันไม่ไหวละครับ
ถ้ากฏหมายเก็บ "ภาษีการขายหุ้น" จะเอากันให้ได้จริงๆ
ช่วยมาตอนปีที่มันเขียวๆ เศรษฐกิจดีๆ
หรืออย่างน้อย ต้องไม่ใช่ปีที่ Ship หายรอบโลกแบบปีนี้
ให้เม่าไทยได้หายใจหายคอบ้าง
ขอใต้เท้าได้โปรดพิณาฯ