ทำไมต้อง Black Friday ? 
จริงๆแล้ว Black Friday มีที่มาจากการเริ่มต้นของการขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ที่ทำให้คนอังกฤษที่นับถือคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ อพยพมอยู่ที่อเมริกาได้อย่างปลอดภัย 
เพราะการเดินทางสมัยก่อนไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอย่างทุกวันนี้ ผู้ย้ายถิ่นฐานอาจจะต้องเจอกับโจรสลัด โรคระบาด การเดินทางโดยเรือที่ช้าและแออัดทำให้เสียชีวิตระหว่างทางเยอะมาก 
คนอังกฤษที่นับถือคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์เลยจัดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เขามีอย่างทุกวันนี้

พอมาถึงในช่วงปี 1863 เกิดเหตุการณ์สงครามกลางเมือง ประธานาธิบดีลินคอล์นจึงประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุดทั่วประเทศ และเป็นวันหยุดยาว 
พอเป็นช่วงวันหยุดยาว เอกชนก็เลยจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการซื้อของ ลดกระหน่ำที่เรียกว่าเทศกาล Black Friday นั่นเอง

เทศกาล Black Friday ทำให้ร้านค้าขายของได้เพิ่มมากขึ้น 300-400% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนปกติและยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย
เพราะในอเมริกา การบริโภคของภาคเอกชนมีสัดส่วนน้ำหนักของการคำนวนมากถึง 67% ดังนั้นยอดขายทีเพิ่มขึ้น 3-4 เท่า จึงค่อนข้างมีน้ำหนักอยู่พอสมควร
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเราจะดู "ภาพรวม" ของเศรษฐกิจอเมริกาว่าดีแค่ไหน เราก็สามารถใช้การจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาล Black Friday ก็ถือเป็นอินดิเคเตอร์หนึ่งที่นักวิเคราะห์เอามาใช้ด้วยเหมือนกันครับ 

คำถาม คือแล้วเทศกาล Black Friday ของปีนี้ เป็นอย่างไรบ้าง
คำตอบก็คือ ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเอาไว้ .... 
โดยในอเมริกาทำยอดขายไปได้สูงถึง  9.12 พันล้านเหรียยสหรัฐ เติบโต 2.3% YOY

... ข้อมูลจาก Mastercard พบว่ายอดใช้จ่ายในเทศกาล Black Friday เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12% YOY ที่เพิ่มมากสุด คือ ร้านอาหารและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอาหารเพิ่มขึ้น 21% ในขณะที่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นน้อยสุดที่ 4%
... ข้อมุลจาก Adobe Analytics ชี้ว่ายอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 2.3% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1% โดยเฉพาะสินค้าประเภทสมาร์ทโฮมที่ถูกกว่าปกติ 30% ได้รับความนิยมสูงสุด
... ข้อมูลจาก Sensormatic Solutions พบว่าคนเข้าห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้น 4.7% จากวันธรรมดา 
... ข้อมูลจาก Shopify พบว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 17% มากกว่าปีที่แล้วที่เพิ่มขึ้น 11% ซึ่งมองว่าเป็นบวก

แต่ภาพรวมยอดขาย Black Friday จากทั้งหมดมีข้อมูลตรงกันว่ายอดขายเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคในอเมริกายังเติบโตได้ดี 
แต่ยังเปราะบาง เพราะ .... !!

1. ยอดขายที่เพิ่มขึ้น มาจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมาณการขาย (Volume) ลดลง
2. การซื้อสินค้าต้องมาคู่กับคูปองหรือส่วนลด ที่ผู้บริโภคมองว่ามันถูกจริงๆ ไม่ใช่ซื้อเพราะอยากได้
3. สินค้าที่ถูกซื้อ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าจำเป็น มากกว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟื่อย
จึงสรุปได้ว่า กำลังซื้อของคนอเมริกายังดี แต่การเติบโตยังอยู่ในระดับต่ำ จึงต้องเน้นไปที่สินค้าจำเป็นมากกว่า ...

Black Friday ของปีนี้โทนออกไป "กลางๆ" คือดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเอาไว้ เติบโตมากกว่าปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เน้นไปที่สินค้าจำเป็น ของกินของใช้ มากกว่าจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟื่อย
ดังนั้น Black Friday ปีนี้อาจจะกำลังบอกเราว่าเศรษฐกิจอเมริกาไม่ได้แย่อย่างที่คิด

-------------------------------------------------
Reference

CNBC

CNN

adweek.com

nytimes.com

investors.com