นักลงทุนที่กำเงินสด เดินเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เหมือนเดินเข้าสู่ยุทธจักรลานประลอง ที่ไม่มีใครต้องการพ่ายแพ้กลับไป ทุกคนต่างต้องการชัยชนะทั้งสิ้น
พ่ายแพ้ = ขาดทุน
ชนะ = กำไร
วิธีการเอาชนะมีสองวิธีใหญ่ๆ
1. ชนะด้วย Capital Gain (กำไรจากส่วนต่างราคา)
นี่คือกระบวนท่า “ซื้อถูก ขายแพง” นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะมองไปที่ส่วนต่างราคา ต้องการซื้อหุ้นราคาต่ำ เพื่อไปขายราคาสูง ทำให้ได้หลายๆรอบ หรือ ใช้เงินต้นจำนวนมากซื้อด้วยไม้ใหญ่ๆ หรือ ได้ส่วนต่างราคามากๆกินคำใหญ่ๆ จะได้มีกำไรเยอะ ๆ
การเอาชนะด้วย Capital Gain นี้ ถือว่าตรงไปตรงมา นักลงทุนซื้อขายได้ตลอดเวลา ตั้งเป้าการถือครองหุ้นได้ด้วยตัวนักลงทุนเอง
สายเก็งกำไรสูง อาจจะ เล่นจบในวัน (Day Trade) หรือ เล่นจบในสัปดาห์
ส่วนสายปัจจัยพื้นฐาน อาจจะ ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน (Undervalue) และขายออกเมื่อราคาเกินมูลค่าพื้นฐาน(Overvalue) ซึ่งอาจจะถือรอข้ามงวดงบการเงินรายไตรมาส ถือข้ามปี ถือข้ามรอบการฟื้นตัว หรือไม่มีกำหนดขายที่แน่ชัดตราบเท่าที่กิจการยังเติบโตก็ได้
2. ชนะด้วย Dividend (เงินปันผล)
นี่คือกระบวนท่า “น้ำซึมบ่อทราย” เป็นการเลี้ยงวัวเพื่อรีดนมวัว แต่ไม่คิดฆ่าวัว นั่นคือการซื้อหุ้นเพื่อรับเงินปันผลระยะยาว แต่ไม่คิดขายหุ้นเข้าๆออกๆเปลี่ยนพอร์ต(ตัวเล่น)ตลอดเวลา ซึ่งเป็น Mindset ของนักลงทุนระยะยาวสายสะสมหุ้นเป็นพอร์ต เพื่อสร้างกระแสเงินสด เงินปันผลเป็น Passive Income
อย่างไรก็ตาม การเอาชนะด้วยเงินปันผล เหมาะกับนักลงทุนที่เลือกจะถือหุ้นระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น และมีลักษณะเฉพาะตัวที่นักลงทุนต้องระวัง เพราะเงินปันผลมีรอบการจ่าย หุ้นบางตัวจ่ายปีละครั้ง บางตัวจ่ายปีละ 2 ครั้ง หรือบางตัวจ่ายเป็นจำนวนครั้งที่มากกว่านั้น
นักลงทุนจำนวนมากค้นหาหุ้นปันผลสูงเป็นหลัก โดยใช้วิธีดูแบบเร็วๆ เช่น ดูจาก Dividend Yield อัตราการจ่ายเงินปันผลบนเว๊บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ หรือ เลือกเอาตัวไหนก็ได้จากดัชนี SETHD (SET High Dividend) ซึ่งอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีเสมอไป นี่คือสิ่งควรระวัง ที่ผู้คนในตลาดหุ้นรู้จักกันในนาม "กับดักหุ้นปันผล"
ถ้าเราเป็นนักลงทุน ที่คาดหวังเงินปันผล เราไม่ควรเลือกหุ้น ด้วยการเลือกจากตัวที่โชว์ค่า Dividend Yield สูงมากๆ เช่น 8-10% ขึ้นไป เพราะ
1. นั่นอาจเป็นค่าลวงตา
เป็นเงินปันผลย้อนหลัง 1 ปี หารด้วยราคาหุ้นปัจจุบัน ... เงินปันผลปีต่อไปอาจจะไม่ดีเหมือนปีก่อนอีกแล้ว
2. นั่นเป็นเงินปันผลของหุ้นวัฏจักร
ที่กำลังจะเปลี่ยนรอบจากปีที่แล้วซึ่งดีเว่อร์ๆ มาสู่ปีนี้และปีต่อไปซึ่งกำไรจะแย่ลงมาก ... เชื่อหรือไม่ว่ามีหุ้นไทยบางตัว แสดงค่า div yield ที่ > 30% แต่ราคาหุ้นยังลงอย่างเดียว สร้างความเจ็บปวดให้นักลงทุนได้มากมาย
3. นั่นเป็นตัวเลขที่เป็นไปได้ยากยิ่งในระยะยาว
ในระยะยาว หลายครั้งการจ่ายระดับนั้น ลดราคาตัวหุ้นลงอย่างมีนัยสำคัญด้วย (ได้ปันผลแต่เจ๊งราคาหุ้น)
เราจึงควรเลือกหุ้นปันผล
- ที่จ่ายในระดับ 3-5% ต่อปี เป็นตัวเลขที่กำลังดี โดยเฉพาะในภาวะตลาดหุ้นเพิ่งผ่านวิกฤติ จะเป็นโอกาสอันดีที่เราอาจจะเก็บหุ้นปันผลที่ div yield 5-7% ได้ นับเป็นโอกาสน่าสนใจยิ่ง
- เป็นหุ้นแข็งแกร่ง big cap ผูกขาด หรือมีกลุ่มลูกค้าชัดเจนแน่นอน เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
- กรณีเป็นกองรีท(REIT) หากเป็นกอง free hold (เป็นเจ้าของสินทรัพย์เอง) จะดีมาก หรือถ้าเป็นกอง leased hold (สิทธิการเช่า) ควรมีอายุเหลืออีกนานเช่น มากกว่า 15 ปีขึ้นไป เพราะกองรีทที่อายุเหลือน้อย ราคากองสามารถผันผวนได้อย่างมาก เพราะใกล้ถึงจุดที่กองจะหมดอายุต้องลุ้นว่า กองจะสามารถต่ออายุสัญญาออกไป หรือมีการขายสินทรัพย์ใหม่เข้ากองทุนหรือไม่
- แล้วสร้างเป็นพอร์ตปันผล ด้วยการสะสมหุ้นแบบนี้ไว้หลายๆตัว (well diversified)
สิ่งสำคัญของหุ้นปันผล คือ คุณภาพของกำไร การจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ และความยั่งยืนของเงินปันผล โดยมีการเติบโตของกำไรเป็นของแถมถ้ามีด้วยก็ยิ่งดีครับ