ผลประกอบการล่าสุดของ RS ไตรมาส 3 ปี 2565 อยู่ที่ 82 ล้านบาท ซึ่งถือว่าออกมาดูดีเพราะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ทำได้เพียง 13 ล้านบาท
และพลิกจากขาดทุนของช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุนไปราวๆ 3 แสนบาท
ถามว่า ผลประกอบการของ RS จะดูดีขึ้นเรื่อยๆ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ?
คำตอบ คือ ผลประกอบการมีแนวโน้มดูดีขึ้นต่อเนื่อง นำโดยธุรกิจขายตตรง MLM และธุรกิจอาหารสัตว์
ธุรกิจขายตรงของ RS แต่เดิม RS พยายามปลุกปั้นแบรนด์ของตัวเองภายใต้สินค้าของ Lifestar และลดสัดส่วนสินค้าจาก Partner ลง ทำให้ Gross Margin ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
... อีกทั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา การเข้าซื้อกิจการ Unilever Life หรือ ULife จาก บจ. ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง มูลค่ากว่า 878 ล้านบาท รุกธุรกิจขายตรง MLM เต็มตัว แต่มีการปรับเปลี่ยนโมลเดลใหม่มาเป็น SLM หรือ Single Level Marketing ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการขาย ไม่ต้องซื้อสินค้าจำนวนมาก (Package Size เล็กลง) มีความคล่องตัวในการขาย และไม่จำเป็นต้องสร้างทีมเพื่อกระตุ้นยอดขาย
... นอกจากนี้ RS ยังเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ "De Beste" แบรนด์ที่จําหน่ายสินค้าประเภท สบู่ เซรั่ม ทำให้ยอดขาย ULife เติบโตต่อเนื่อง
ธุรกิจอาหารสัตว์ ถือเป็นธุรกิจใหม่ของ RS ที่อาจจะเป็น S-Curved ใหม่ของบริษัท
RS แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าได้มีการเปิดบริษัทใหม่ และเพิ่มทุน PP ให้กับผุ้ถือหุ้น 3 ราย เป็นเงินกว่า 150 ล้านบาท เปิดบริษัทเพ็ท ออล จํากัด หรือ Pet All
... Pet All ทำธุรกิจอาหารสัตว์ภายใต้แบรนด์ "Lifemate"
และร้านขายอาหารสัตว์ "ดีเด่น Pet Mart"
ซึ่ง RS มีอยู่ 17 สาขา พร้อมเปิดเพิ่มอีก 30-40 สาขา ภายในปี 2566 ใช้เงินลงทุนต่อสาขาราวๆ 7-10 ล้านบาทต่อสาขา คืนทุนได้ภายใน 2-3 ปี
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่าแล้วธุรกิจเดิมของ RS คือธุรกิจสื่อละ ? บริษัทไม่เน้นแล้วใช่ไหม
คำตอบ คือ ไม่ใช่ครับ เพราะที่ผ่านมารายได้จากธุรกิจสื่อมีแนวโน้มดีขึ้น จากการขายคอนเทนต์ไปสู่ OTT Platform เช่น VIU และ WeTV ที่จะมีรายได้ราวๆ 50-100 ล้านบาทต่อไตรมาส
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ธุรกิจสื่อ และ Content Licensing จากการผลิตคอนเทนต์ผ่านช่อง 8 ซึ่งเป็นการรับรู้ต้นทุน - รายจ่ายเพียงครั้งเดียวแต่สามารถทำเงินจากการขายให้กับ OTT Platform ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ธุรกิจจัดอีเวนท์ ก็มีมากขึ้น เช่น RS Meeting และคอนเสิร์ต Kamikaze
บทวิเคราะห์หลักทรัพยเอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ก้าวใหม่ของ RS คือต้องการมุ่งสู่ช่องทางออฟไลน์ให้มากขึ้น จากธุรกิจอาหารสัตว์ที่มี Net Margin ราวๆ 7% ช่วงสร้างกำไรให้ RS ราวๆ 20-30 ล้านบาทต่อปี ถือว่าเป็นมุมมองเชิงบวก
ฝ่ายวิจัยมองว่า RS จะมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง ...
ในปี 2566 กำไรของบริษัทจะเติบโต 77% yoy จากฐานกำไรที่ต่ำในปี 2565 และจากการบริโภคที่ฟื้นตัว รายได้จากธุรกิจจัดอีเว้นท์เริ่มกลับมา
แนวโน้มกำไรจะดูดีขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งยังมีประเด็นบวกในเรื่องของการ Spin-Off บริษัทลูกเข้าตลาดที่จะช่วยบันทึกกำไรพิเศษราวๆ 150-350 ล้านบาท
ถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนควรจับตามองอย่างใกล้ชิดครับ
--------------------------------------------
Reference