2-3 วันมานี้ มีมิตรสหายการลงทุนสอบถามกันมาเยอะ
ว่าถ้าโบรคเกอร์ที่เขาซื้อขายและออมหุ้นอยู่ในนั้น
ถ้าเกิดมี "ปัญหาสภาพคล่อง" อะไรขึ้นมา แล้วโบรคเกอร์นั้นต้องหยุดชั่วคราวขึ้นมาจริงๆ (ตามข่าวสารที่ท่วมทุกช่องทาง)
"สินทรัพย์" ของเขาจะเป็นยังไง
ผมตอบแยกเป็น 2 สินทรัพย์นะครับ
1. หุ้นในพอร์ตของเรา
ส่วนนี้ไม่มีปัญหาเลยครับ เพราะ เมื่อเราซื้อหุ้นเข้าพอร์ตมาแล้ว เราคือผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้นๆ มันอยู่ในชื่อเรา โบรคเกอร์เป็นเพียงช่องทางการซื้อขาย
และ(สมมตินะ) ต่อให้โบรคปิดตัว สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของหุ้นทุกตัวที่เรามีในพอร์ต ยังเป็นของเราอยู่ครบถ้วน โดยมี TSD หรือ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เก็บข้อมูลการถือหุ้นเอาไว้
ผมขอแนะนำให้นักลงทุนทุกท่าน สมัคร TSD Investor Portal เอาไว้ มีประโยชน์มากๆ มันจะแสดงข้อมูลหุ้นทุกตัวที่เราถืออยู่ อย่างผมเอง แม้ว่าจะมี 5 พอร์ต จาก 4 โบรคเกอร์ ก็จะเอาข้อมูลหุ้นทุกตัวมารวมกันไว้ที่ TSD ครบ
สมัครสมาชิกแล้วจะได้ตามรูป เราสามารถเรียกดูข้อมูลเงินปันผล ภาษีที่หักไป หรือตัวช่วยในการยื่นภาษี แถมเรียกดูข้อมูลย้อนหลังได้ 3 ปี
สมัครเถอะครับ ฟรีด้วย ตามลิงค์นี้
-----------------------------
https://ivp.tsd.co.th/signin
-----------------------------
.
.
2. เงินสดของเราที่โอนเข้าไปในโบรคเกอร์
ก่อนอื่น ต้องออกตัวก่อนว่าข้อนี้ ไม่ค่อยมีผลกะมิตรสหายสายลงทุนที่รู้จักเท่าไหร่นะ เพราะทุกครั้งที่โอนเงินสดเข้า จะซื้อหุ้นครบตามแผนไปเลย ไม่เอาเงินสดมาจอดวางไว้เฉยๆในบัญชีเทรดหุ้นเยอะๆ
ผมคิดว่าเงินสดควรอยู่ที่อื่น บริหารจัดการง่ายกว่า
ถ้าสมมติว่า โบรคเกอร์ใด มีแนวโน้มว่าจะขาดสภาพคล่อง จะหยุดให้บริการจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนคือ ลูกค้าเขาจะรีบถอนเงินสดออก
ซึ่งตัวผมเอง ถ้ามีเงินสดอยู่ตรงนั้น ก็พูดแบบแมนๆเลย ว่า "ขอถอนด้วย"
หรือ อีกวิธีที่คิดออก คือ กดซื้อหุ้นให้หมดเงินไปเลย
แล้วค่อยย้ายหุ้นจาก โบรคเกอร์ A ไป โบรคเกอร์ B ซึ่งง่ายและเร็วดีครับ
.
.
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเท่าที่รู้มาถึงตรงนี้
คือไม่มีโบรคเกอร์ไหน มีความเสี่ยงดังกล่าวเลยนะ
ทุกรายมีสภาพคล่องคออยู่ครบถ้วน
ไอ้ที่จะขาดสภาพคล่องนี่
น่าจะเป็นตัวเม่าปีกเหล็ก อย่างผมเองนี่แหละจร้าาาาา