#แนวคิดด้านการลงทุน

CNOOC ยักษ์ใหญ่น้ำมันแดนมังกร ยอมลดการผลิตครั้งแรกในรอบ 16 ปี

โดย ธีรัตม์ กฤตยาภัทร
เผยแพร่:
454 views

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักบริษัท CNOOC ("ซีนุ้ค") กันหน่อยนะครับ CNOOC ชื่อเต็มคือ "China National Offshore Oil Corporation" เป็นบริษัทที่ออกสำรวจหาแหล่งน้ำมันใหม่ที่เน้น "Offshore" เป็นหลัก คือเน้นหาแหล่งใหม่ๆนอกชายฝั่งนั่นเองครับ ซึ่งแหล่งน้ำมันหลักของ CNOOC เลยก็คือ "ทะเลจีนใต้" 

แล้ว CNOOC ใหญ่แค่ไหน? ปริมาณน้ำมันสำรองที่พิสูจน์แล้วของ CNOOC เมื่อปี 2014 อยู่ที่ 4.48 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมัน หรือใหญ่ประมาณ 6 เท่าของปตท.สผ. (PTTEP) ทีเดียวครับ 

นอกจากนี้แล้ว ถ้าดูมูลค่าตลาดหรือ Market Cap ของ CNOOC ในช่วงราคาน้ำมันดีๆอยู่ล่ะก็ CNOOC จะเป็นบริษัทสำรวจและผลิตอิสระ (Independent Exploration & Production) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าตลาดมากกว่ายักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง ConocoPhillips ซะอีกครับ! เพราะฉะนั้น ถ้าพูดถึงในจีนแล้ว คงไม่ต้องสงสัยกันล่ะครับว่า CNOOC คือที่หนึ่งเรื่องการสำรวจ ราคาน้ำมันที่ร่วงยาวถึงตอนนี้ทำให้ CNOOC ต้องตัดสินใจลดกำลังผลิตในที่สุด 

สำหรับบริษัทที่เพิ่มกำลังการผลิตได้ต่อเนื่องทุกปีอย่างยอดเยี่ยมแบบ CNOOC การลดการผลิตครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1999 หรือครั้งแรกในรอบ 16 ปีเลยทีเดียวนะครับ แม้ว่ารัฐบาลจีนจะช่วยพยุงราคาน้ำมันขายปลีกไว้ แต่ผลิตไปก็ไม่คุ้มอยู่ดีนะครับ เพราะต้นทุนรวมของ CNOOC ต่อบาร์เรลปี 2015 อยู่ที่ $41 ยิ่งตอนนี้ราคาไหลลงไปต่ำเกือบ $27 เนี่ย CNOOC เองก็คงต้องชะลอ อย่างน้อยก็เพื่อรักษาสภาพคล่องในมือไว้จ่ายปันผลให้นักลงทุนกันทุกคนตามธรรมเนียมบริษัทน้ำมันนะครับ 

สำนักข่าว Bloomberg เองก็เชื่อว่า การออกมาประกาศลดกำลังการผลิตครั้งนี้ของ CNOOC จะทำให้สุดยอดบริษัทน้ำมันขนาดยักษ์ของจีนที่เหลืออย่าง Sinopec และ PetroChina อาจจะตัดสินใจลดเหมือนกัน แต่นี่ถือเป็นเรื่องดีนะครับ...เพราะ 

1. Supply น้ำมันจาก Non-OPEC จะค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ คาดการณ์กันว่าปีนี้ Supply จากกลุ่มประเทศ Non-OPEC จะหายไปราว 600,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตจาก Iran ที่จะเข้ามาได้อีก 500,000 บาร์เรลต่อวันก็ตาม

2. เงินลงทุนหดหายไปกว่า 21 ล้านล้านบาท! บริษัทที่ปรึกษาชื่อ Wood Mackenzie ประมาณไว้ว่าปีที่แล้วปีเดียว เงินลงทุนของบริษัทสำรวจน้ำมันรอบโลกช้ากว่ากำหนดไปกว่า 3.8 แสนล้านเหรียญ รวมกับเงินอีกประมาณ 2 แสนล้านที่จะลดจากงบประมาณของบริษัทเหล่านี้ในปี 2016 ทำให้เงินลงทุนกับโปรเจคใหม่ก้อนใหญ่ของอุตสาหกรรม จะหายไปมากกว่า 6 แสนล้านเหรียญ หรือ 21 ล้านล้านบาท

3. Shale Oil จะทยอยขาดทุนยับเยิน ราคาน้ำมันต่ำกว่า $30 ต่อบาร์เรลกำลังทำให้ผู้ผลิต Shale Oil ที่มีต้นทุนสูงต้องขาดทุนมหาศาล ธุรกิจ Shale Oil เป็นธุรกิจที่มี Leverage สูงมาก ต้องกู้เงินมาใช้เทคโนโลยีราคาแพง ต้นทุนสารเคมีที่ต้องฉีดลงหลุมเพื่อดึงน้ำมันออกมาก็สูง 

และที่สำคัญคือ หลังจากผลิตไป 1-2 ปี หลุม Shale Oil จะหมดอายุเร็วมาก เมื่อโปรเจคขาดทุนแบบนี้ การระดมทุนมาหาหลุมใหม่ทดแทนหลุมเก่าที่หมดอายุเร็วก็ทำได้ยาก...หมายความว่า Supply จาก Shale ก็ต้องลดลงไปอีกนะครับ

ในช่วงน้ำมันบูม CNOOC (883:HK) ราคาหุ้นขึ้นมาได้มากกว่า 10 เท่าจากปี 2000-2007 ในปัจจุบันราคาหุ้นลดจากจุดสูงสุดเมื่อปี 2011 มาถึง 70% แล้ว ทำให้เงินปันผลในปัจจุบันสูงถึง 8.6% และ P/BV อยู่ที่ 0.6 เท่า อย่างไรก็ตาม CNOOC ยังคงเป็นบริษัทสำรวจน้ำมันอันดับ top ของโลกที่มีสายป่านชั้นดี และน่าจะ "อยู่รอด" ผ่านช่วงเลวร้ายของน้ำมันครั้งนี้ไปได้ครับ 

"The Cure for Low Prices is Low Prices"...ราคาต่ำจะช่วยแก้ไขตัวมันเองได้ในที่สุดครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.bloomberg.com/…/china-s-cnooc-succumbs-to-oil-ro…

ขอบคุณภาพจาก: www.cnoocltd.com

บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown


ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ MoneyCrown ที่เน้นสาระความรู้และการวิเคราะห์บริษัทจากปัจจัยพื้นฐาน โดยเน้นหุ้นเติบโต (growth stock) ที่ราคาสมเหตุสมผล มีเงินปันผลสูง และเติบโตต่อเนื่อง

ประสบการณ์การทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการ (Management Consulting) ที่ประเทศไทย ประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา

ประวัติการศึกษา:

- ปริญญาตรี: คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- ปริญญาโท: MS in Management, Cass Business School, London

- ปริญญาโท: MS in Management Science & Engineering, Columbia University in the City of New York

นอกเหนือจากความสนใจหาหุ้นที่น่าสนใจโดยอาศัยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังสนใจการลงทุนในต่างประเทศเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตลาดจีน ตลาดอเมริกา เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเรื่องราวของ tech startup ที่อเมริกาอีกด้วย

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง