ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักบริษัท CNOOC ("ซีนุ้ค") กันหน่อยนะครับ CNOOC ชื่อเต็มคือ "China National Offshore Oil Corporation" เป็นบริษัทที่ออกสำรวจหาแหล่งน้ำมันใหม่ที่เน้น "Offshore" เป็นหลัก คือเน้นหาแหล่งใหม่ๆนอกชายฝั่งนั่นเองครับ ซึ่งแหล่งน้ำมันหลักของ CNOOC เลยก็คือ "ทะเลจีนใต้"
แล้ว CNOOC ใหญ่แค่ไหน? ปริมาณน้ำมันสำรองที่พิสูจน์แล้วของ CNOOC เมื่อปี 2014 อยู่ที่ 4.48 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมัน หรือใหญ่ประมาณ 6 เท่าของปตท.สผ. (PTTEP) ทีเดียวครับ
นอกจากนี้แล้ว ถ้าดูมูลค่าตลาดหรือ Market Cap ของ CNOOC ในช่วงราคาน้ำมันดีๆอยู่ล่ะก็ CNOOC จะเป็นบริษัทสำรวจและผลิตอิสระ (Independent Exploration & Production) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าตลาดมากกว่ายักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง ConocoPhillips ซะอีกครับ! เพราะฉะนั้น ถ้าพูดถึงในจีนแล้ว คงไม่ต้องสงสัยกันล่ะครับว่า CNOOC คือที่หนึ่งเรื่องการสำรวจ ราคาน้ำมันที่ร่วงยาวถึงตอนนี้ทำให้ CNOOC ต้องตัดสินใจลดกำลังผลิตในที่สุด
สำหรับบริษัทที่เพิ่มกำลังการผลิตได้ต่อเนื่องทุกปีอย่างยอดเยี่ยมแบบ CNOOC การลดการผลิตครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1999 หรือครั้งแรกในรอบ 16 ปีเลยทีเดียวนะครับ แม้ว่ารัฐบาลจีนจะช่วยพยุงราคาน้ำมันขายปลีกไว้ แต่ผลิตไปก็ไม่คุ้มอยู่ดีนะครับ เพราะต้นทุนรวมของ CNOOC ต่อบาร์เรลปี 2015 อยู่ที่ $41 ยิ่งตอนนี้ราคาไหลลงไปต่ำเกือบ $27 เนี่ย CNOOC เองก็คงต้องชะลอ อย่างน้อยก็เพื่อรักษาสภาพคล่องในมือไว้จ่ายปันผลให้นักลงทุนกันทุกคนตามธรรมเนียมบริษัทน้ำมันนะครับ
สำนักข่าว Bloomberg เองก็เชื่อว่า การออกมาประกาศลดกำลังการผลิตครั้งนี้ของ CNOOC จะทำให้สุดยอดบริษัทน้ำมันขนาดยักษ์ของจีนที่เหลืออย่าง Sinopec และ PetroChina อาจจะตัดสินใจลดเหมือนกัน แต่นี่ถือเป็นเรื่องดีนะครับ...เพราะ
1. Supply น้ำมันจาก Non-OPEC จะค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ คาดการณ์กันว่าปีนี้ Supply จากกลุ่มประเทศ Non-OPEC จะหายไปราว 600,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าจะมีกำลังการผลิตจาก Iran ที่จะเข้ามาได้อีก 500,000 บาร์เรลต่อวันก็ตาม
2. เงินลงทุนหดหายไปกว่า 21 ล้านล้านบาท! บริษัทที่ปรึกษาชื่อ Wood Mackenzie ประมาณไว้ว่าปีที่แล้วปีเดียว เงินลงทุนของบริษัทสำรวจน้ำมันรอบโลกช้ากว่ากำหนดไปกว่า 3.8 แสนล้านเหรียญ รวมกับเงินอีกประมาณ 2 แสนล้านที่จะลดจากงบประมาณของบริษัทเหล่านี้ในปี 2016 ทำให้เงินลงทุนกับโปรเจคใหม่ก้อนใหญ่ของอุตสาหกรรม จะหายไปมากกว่า 6 แสนล้านเหรียญ หรือ 21 ล้านล้านบาท
3. Shale Oil จะทยอยขาดทุนยับเยิน ราคาน้ำมันต่ำกว่า $30 ต่อบาร์เรลกำลังทำให้ผู้ผลิต Shale Oil ที่มีต้นทุนสูงต้องขาดทุนมหาศาล ธุรกิจ Shale Oil เป็นธุรกิจที่มี Leverage สูงมาก ต้องกู้เงินมาใช้เทคโนโลยีราคาแพง ต้นทุนสารเคมีที่ต้องฉีดลงหลุมเพื่อดึงน้ำมันออกมาก็สูง
และที่สำคัญคือ หลังจากผลิตไป 1-2 ปี หลุม Shale Oil จะหมดอายุเร็วมาก เมื่อโปรเจคขาดทุนแบบนี้ การระดมทุนมาหาหลุมใหม่ทดแทนหลุมเก่าที่หมดอายุเร็วก็ทำได้ยาก...หมายความว่า Supply จาก Shale ก็ต้องลดลงไปอีกนะครับ
ในช่วงน้ำมันบูม CNOOC (883:HK) ราคาหุ้นขึ้นมาได้มากกว่า 10 เท่าจากปี 2000-2007 ในปัจจุบันราคาหุ้นลดจากจุดสูงสุดเมื่อปี 2011 มาถึง 70% แล้ว ทำให้เงินปันผลในปัจจุบันสูงถึง 8.6% และ P/BV อยู่ที่ 0.6 เท่า อย่างไรก็ตาม CNOOC ยังคงเป็นบริษัทสำรวจน้ำมันอันดับ top ของโลกที่มีสายป่านชั้นดี และน่าจะ "อยู่รอด" ผ่านช่วงเลวร้ายของน้ำมันครั้งนี้ไปได้ครับ
"The Cure for Low Prices is Low Prices"...ราคาต่ำจะช่วยแก้ไขตัวมันเองได้ในที่สุดครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.bloomberg.com/…/china-s-cnooc-succumbs-to-oil-ro…
ขอบคุณภาพจาก: www.cnoocltd.com
บทความโดย บูม / FB: MoneyCrown