การจะทำให้บริษัทมีมุลค่าระดับ 1 แสนล้านบาท ไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอย่างยาวนาน มีแบรนด์แข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องที่ยาวนานมากๆ
อย่างในตลาดหุ้นไทย เช่น PTT, SCC, CPALL, PTTEP, BBL, KBANK, SCB
ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจมาหลายทศวรรษ และมีแบรนด์ธุรกิจที่แข็งแกร่ง

ดังนั้น การที่มีสักบริษัทบอกว่า จะทำให้มูลค่าของบริษัทที่ตัวเองบริหารอยู่ แตะ 1 แสนล้านบาทให้ได้ จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจและเราควรศึกษาต่อว่า "แผนการ" มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน 
และบริษัทล่าสุดที่ประกาศไว้ คือ "JWD"

JWD หรือ เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ ทำธุรกิจ ให้บริการทางด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรภายในภูมิภาคอาเซียน แบ่งธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบไปด้วย
1. กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท เชี่ยวชาญกลุ่มสินค้าที่ต้องการความชำนาญพิเศษในการบริหารจัดการ เช่น สินค้าอันตราย ยานยนต์และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง เป็นต้น 
2. กลุ่มธุรกิจอาหาร 
3. กลุ่มธุรกิจไอทีโซลูชั่น 
4. กลุ่มธุรกิจการลงทุน
ซึ่งถ้าเราไปดูมูลค่าตลาดตอนนี้ของบริษัทจะอยู่ราวๆ 2 หมื่นล้านบาท
การตั้งเป้าว่าบริษัทจะมีมูลค่าบริษัทให้แตะระดับ 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 5 เท่า  จะทำได้อย่างไร ? 
คำตอบ คือ การร่วมมือกับ SCGL ตั้งบริษัทใหม่ จะเป็นตัวผลักดันสำคัญให้มูลค่ากิจการของ JWD แตะ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2570

เมื่อไม่นานมานี้มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การรวมกิจการระหว่าง SCGL (เอสซีจี โลจิสติกส์ ถือหุ้นโดย SCC 98%) และ JWD 
มีสาระสำคัญที่น่าสนใจประกอบไปด้วย
1. ดีลครั้งนี้ใช้วิธีการแลกหุ้น 
2. ทาง JWD จะออกหุ้น 791 ล้านหุ้น ที่ราคา 24.02 บาทต่อหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้น SCGL ประกอบไปด้วย 3 บริษัท คือ 
... บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จํากัด (SCG CBM)
... บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จํากัด (SCG Distribution)
... กลุ่ม Yamato Holdings
เพื่อแลกหุ้นทั้งหมดของ SCGL มูลค่ากว่า 1.866 หมื่นล้านบาท และจะแล้วในไตรมาส 1 ปี 2566
3. จะมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น "SCGJWD" หรือ บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
4. บริษัทใหม่ SCGJWD จะมี SCC ถือหุ้นใหญ่ 42.95 และ JWD 31.8% และผู้ถือหุ้นอื่น ๆ อีก 25.3%

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่าดีลนี้จะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากในแง่ของการทำธุรกิจ และการเติบโตที่สูงมากจากทั้งภายในและภายนอก โดยวิเคราะห์ 3 ข้อด้วยกัน คือ

1. ธุรกรรมที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม
ระยะสั้น : 
SCGL  มีรูปแบบพัฒนาใช้สินทรัพยืน้อย
ในขณะที่ JWL มีการลงทุนจำนวนมาก และกลุ่มลูกค้าไม่ทับซ้อนกันจึงเป็นการเสริมการดำเนินงาน
ระยะกลางถึงระยะยาว :
ความสามารถในการขยายธุรกิจ การควบรวมกิจการและการร่วมลงทุนระหว่าง SCC และ JWD ในอนาคต

2. แนวโน้มการเติบโตที่สดใส
การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ขยายธุรกิจในทุกมิติ เช่น คลังสินค้า - คลังห้องเย็น รถขนส่ง เรือขนส่ง กลุ่มฐานลูกค้าที่มีมากถึง 2,400 ราย ทำให้เชื่อได้ว่าการร่วมลงทุนจะทำให้รายได้จาก 2.55 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาทในปี 2570 หรือคิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 12% ต่อปี

3. สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งนำมาซึ่งโอกาสการลงทุนขนาดใหญ่ นอกเหนือจาก EPS ที่เพิ่มขึ้น 10-16% เมื่อมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์และหนี้สินเข้าด้วยกัน จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ลดลงอย่างมาก 
พัฒนาการนี้จะช่วยลดต้นทุนทางการเงิน ยกอันดับความน่าเชื่อถือ ยังช่วยเพิ่มศักยภาพทางการลงทุนหรือการควบรวมกิจการอื่นๆในอนาคต

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ถึงการที่สองบริษัทควบรวมกันเอาไว้ว่า ... 
1. บริษัทใหม่ SCGJWD จะเติบโตที่ CAGR 12% ต่อปี ในระยะ 5 ปีข้างหน้า
2. การ Synergy ด้านต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
3. โอกาสในการเติบโตผ่านดีลควบรวมกิจการ เนื่องจากว่าบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ ราวๆ 0.3 เท่า ยังเห็นการเติบโตได้อีกมาก

ถือเป็นก้าวใหม่ของ JWD ที่น่าจับตาอย่างมาก
และมีแนวโน้มสูงที่มูลค่าบริษัทจะเติบโตได้ 5 เท่า จนแตะ 1 แสนล้านบาท
ซึ่งหมายความว่าราคาหุ้นจะยังขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว นับจากนี้ครับ .....

------------------------------------
Reference

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์

สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ข้อมูลผลประกอบการสำคัญ JWD : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย