ปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีเท่าไรนักสำหรับการลงทุนในหุ้นเวียดนาม
โดยดัชนี VNI Index ปรับตัวลดลง -30% YTD เข้าไปแล้ว
และมีแนวโน้มร่วงลงต่อได้อีก .....

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมาธนาคารแห่งชาติเวียดนาม (State Bank of Vietnam) ได้ดำเนินนโยบายทางการเงินที่น่าสนใจ 2 ประการด้วยกัน คือ
1. ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 1% เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อและเป็นการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินด่อง
แน่นอนว่าการขึ้นดอกเบี้ย ย่อมไม่เป็นที่ชื่นชอบต่อตลาดหุ้น
2. ปรับกรอบการเคลื่อนไหว VND/USD กว้างขึ้นเป็น 5% จากเดิม 3% ทำให้ค่าเงินด่องของเวียดนามอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
... นอกจาก 2 ประเด็นข้างต้นแล้ว ทางการเวียดนามยังมีการสอบสวนจากภาครัฐฯในภาคอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดลดลง
ดังนั้น นักลงทุนจะยังกังวลต่อตลาดหุ้นเวียดนามไปอีกสักระยะ ยังไม่เห็นจุดกลับตัวในตลาดหุ้นเวียดนาม
คำถาม คือ การปรับตัวลดลงมากขนาดนี้ เราควรมองเป็นโอกาส หรือหลีกเลี่ยงไปก่อน
คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับมุมมองของเราว่าเรามีมุมมองระยะสั้น หรือระยะยาวต่อตลาดหุ้นเวียดนาม
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมกสิกรไทย ได้แบ่งมุมมองออกเป็น 2 มุมมอง ประกอบไปด้วย
มุมมองระยะสั้น : ระมัดระวังมากขึ้น
เนื่องจากในช่วงนี้นักลงทุนรายย่อยค่อนข้างให้ความสำคัญกับข่าวเชิงลบทั้งภายในและภายนอกประเทศเป็นหลักส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงขึ้น
มุมมองระยะยาว : ยังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นเวียดนาม
โดยเวียดนามมีปัจจัยบวกภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ...
1. ความน่าสนใจทั้งแง่เศรษฐกิจที่ GDP ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
2. กำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ในระดับสูง
3. จำนวนประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงที่สุดในอาเซียน เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว
บทวิเคราะห์ยังแนะนำต่อผู้ลงทุนอีกด้วยว่า นักลงทุนที่มีการลงทุนในเวียดนามอยู่แล้วหรือผู้ที่สนใจ จะต้องทนความผันผวนระยะสั้นใได้ โดยแนะนำให้มองระยะยาว 3-5 ปี ถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน สำหรับกองทุน SSF และ RMF ที่มีระยะการลงทุนยาวกว่ากองทุนอื่นๆ
--------------------------------------------
Reference