BTG หรือเบทาโกร เป็นผู้ผลิตอาหารครบวงจรซึ่งรายได้มาจาก 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบไปด้วย
1. ธุรกิจอาหาร สัดส่วนรายได้ 68%
2. เกษตร สัดส่วนรายได้ 25%
3. ธุรกิต่างประเทศ สัดส่วนรายได้ 5%
4. สัตว์เลี้ยง สัดส่วนรายได้ 2%
5. อื่นๆ สัดส่วนรายได้ 1%
ซึ่งคนไทยน่าจะคุ้นเคยกับสินค้าในเครือเบทาโกรเป็นอย่างดี
แต่ในเรื่องของหุ้นและการลงทุน มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่ถามหาการเติบโต
ประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ คือ การเติบโตของ BTG คืออะไร
คำตอบ คือ กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง
BTG มีแผนธุรกิจอย่างชัดเจนในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่จะปรับปรุงสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่าย
โดยคาดว่ากำลังการผลิตหมู จะเพิ่มขึ้นราวๆ 14.6% เป็น 4.8 ล้านตัวต่อปี
กำลังการผลิตไก่ จะเพิ่มขึ้นราวๆ 9% เป็น 270 ล้านตัวต่อปี
... ทั้งหมดนี้จะครบกำหนดในปี 2569
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ มองว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ 26%
และในปีหน้าอีกราวๆ 6%
โดยในปี 2565 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ราวๆ 1.07 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 7.58 พันล้านบาท
ในปี 2566 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ราวๆ 1.13 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 7.01 พันล้านบาท
จะเห็นได้ว่า กำไรสุทธิลดลงในปี 2566
สาเหตุเป็นเพราะว่า ในปีนี้ BTG จะมีกำไรพิเศษจากการขายกิจการที่ 419 ล้านบาท
เมื่อหักออกแล้ว เท่ากับว่าในปี 2565 และปี 2566 กำไรสุทธิน่าจะใกล้เคียงกันครับ
ปัจจุบัน BTG เปิดตัวด้วยราคา IPO ที่ 40 บาทต่อหุ้น มีค่า P/E Ratio ที่ 26 เท่า ถือว่าใกล้เคียงกลุ่มไม่ได้มีค่าพรีเมี่ยมมากนัก
แต่ถ้าคำนวนการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า จะทำให้ P/E Ratio ของ BTG อยู่ที่ 10.6 เท่า
ถ้าในปีหน้า ไม่มีเหตุการณ์พิเศษที่ทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น เศรษฐกิจถดถอยอย่างหนักหรือเกิดโรคระบาดในสัตว์
หุ้น BTG ถือเป็นอีกหุ้นหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากครับ
--------------------------------------
Reference