เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นไปอย่างที่ตลาดคาดว่า FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ระดับ 3.75-4% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 14 ปี
แน่นอนว่านักลงทุนคาดกันไว้แล้ว แต่ถ้าเราไปดูตลาดทางฝั่งอเมริกาปรากฏว่าลดลงค่อนข้างหนัก
ตอนเปิดตลาดเขียวสดใส
แต่พอ FED ขึ้นดอกเบี้ย หุ้นปรับตัวลดลง1.5%-3% ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
สาเหตุประการหนึ่งที่ตลาดถูกเทขายลงมา เพราะ Sell On Fact
กล่าวคือ ขายเมื่อความจริงปรากฏ ซึ่งเราจะเห็นบ่อยครั้งในเรื่องของการเก็งกำไร
... ในจังหวะที่ไม่ชัดเจน แต่คาดว่าจะเป็นไปในทาง "บวก"
นักเก็งกำไร เลยเข้าไปซื้อหุ้นเอาไว้ก่อน เมื่อตลาดเริ่มมีทิศทางเป็นบวก และความจริงปรากฏจึงเทขายทำกำไรออกมา ถ้าเราไปดูตลาดทางฝั่งอเมริกาในเดือนตุลาคม พบว่า ...
ดัชนี Dow Jones บวกเพิ่มขึ้นถึง 9% ใน 1 เดือน
ดัชนี S&P500 บวกเพิ่มขึ้นถึง 5% ใน 1 เดือน
ดัชนี NASDAQ บวกเพิ่มขึ้นถึง 2% ใน 1 เดือน
ถามว่า แล้วต่อจากนี้จะยังไงต่อ ?
สิ่งที่นักลงทุนกำลังจับตา คือ การประชุมครั้งที่ 8 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม
โดยตลาดคาดว่า FED อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75%
และท่าทีของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED บอกว่าจะไม่มีการหยุดขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
แต่ใจความสำคัญหลัก อยู่ตรงประโยคหลัง ...
เขายังเน้นย้ำว่า ต้องใช้ความอดทน และรัดกุมในการขึ้นดอกเบี้ยให้มากขึ้นเพื่อให้เงินเฟ้อไปอยู่ที่ 2%
ประโยคนี้เองทำให้นักลงทุนคาดว่า FED อาจจะ "ชะลอ" การขึ้นดอกเบี้ยแรงๆเหมือนอย่างที่เคยทำ
พูดง่ายๆคือ เราอาจจะเห็น FED ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.5% เท่านั้น
จากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่ม 0.75%
และแน่นอนว่าการเพิ่มดอกเบี้ย 0.5% จะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้กลับมาดีดตัวได้ เพราะที่ผ่านมาตลาดรับรู้ข่าวร้ายไปเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยแรงๆ
แต่จากการประชุมที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณแล้วว่า FED มีแนวโน้มจะลดความรุนแรงเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย