ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนแกว่งตัวในกรอบแคบราวๆ +0.3% ถึง -0.9% ท่ามกลางการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งท่าทีของ FED ที่กำลังจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในคืนนี้
ถ้าใครสังเกต พบว่า รอบนี้สื่อไม่ได้ให้ความสนใจ และนักลงทุนไม่ได้วิตกกังวลอะไรมากเลย
เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
คำตอบ คือ ตลาดซึมซับความเสี่ยงมากเกินไป นักลงทุนมองโลกในแง่ร้ายเกินไป
อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่ FED ประกาศออกมา ก็ดูดีกว่าที่คาด ...
1. ดัชนี PMI ภาคการผลิต
อยู่ที่ 50.2 จุด ... ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดอยู่ที่ 49 จุด
แต่ยังต่ำกว่าของเดือนกันยายนอยุ่ที่ 50.9 จุด
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตลดลงก็จริง แต่ไม่ได้แย่อย่างที่นักลงทุนคาดกันไว้ก่อนหน้า ...
2. ตำแหน่งว่างงานใหม่เปิดใหม่
ในเดือนกันยายน ตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้น 10.7 ล้านตำแหน่ง
ในเดือนตุลาคม ตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้น 10.3 ล้านตำแหน่ง
เป็นการสะท้อนว่าความต้องการแรงงานของอเมริกา ยังคงมีอยู่และเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้อาจจะเป็นปัจจัยหนุนให้เงินเฟ้อสูงขึ้นได้ในอนาคต
ประเด็นคือ หลังจากนี้เศรษฐกิจสหรัฐจะยังไงต่อ ?
สิ่งที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจ คือ เรื่องของการขึ้นดอกเบี้ย ครั้งที่ 7 และ 8
ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.75%
... ครั้งที่ 7 คือ วันที่ 2 พฤษจิกายน (คืนนี้) จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75%
... ครั้งที่ 8 คือ วันที่ 14 ธันวาคม จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75%
แน่นอนว่าการขึ้นดอกเบี้ย ตลาดรับรู้มาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว
ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ นักลงทุนไม่ได้กังวลอะไรมากนัก
แต่สิ่งที่นักลงทุนกำลังคาดกันอยู่ คือ การประชุมครั้งที่ 8 ...
เพราะถ้า FED มองว่าตัวเลขยังออกมาดี และเงินเฟ้อจะลดลงจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลง ไม่แน่ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงแค่ 0.5% ในการประชุมครั้งที่ 8
ไม่ใช่ 0.75% อย่างที่นักลงทุนคาด
นั้นหมายความว่าจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นก็อาจจะกลับมาขึ้นได้อีกครั้งจากการที่นักลงทุนมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปครับ