ถ้าเราถามมิตรสหาย 10 คน 
ว่าวันที่ 31 ตุลาคมคือวันอะไร ?
เกือบทั้งหมดจะตอบว่า "วันฮาโลวีน"
อ้ะ...ก็ถูกต้อง 
แต่มันมีความสำคัญในอีกนัยหนึ่งด้วย คือ  
เป็น "วันออมแห่งชาติ" ครับ

ไหนๆเราก็จำไม่ได้อยู่แล้ว 
ผมจึงมีความเห็นว่า "วันออมแห่งชาติ" สามารถเป็นได้ทุกวัน 
การปลูกฝังค่านิยมและนิสัยรักการออม เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาและเสริมสร้างความมั่นคง ทั้งชีวิตเรา ครอบครัวเรา 
และถ้าทำกันมากๆ ก็จะดีต่อประเทศด้วย 
ประเทศที่ประชาชน อยู่ดีกินดี มีกำลังซื้อแถมมีเงินออม เป็นหนี้ส่วนตัวและครัวเรือนน้อย ประเทศนั้นจะต้องเจริญๆขึ้น

เรื่องการออมเงินนั้น 
1. วิธีออมเงิน และจัดการเงินส่วนบุคคลที่ดีที่สุด และทำได้ไม่ยากเลย 
คือ จงใช้เงินหลังจากที่เก็บออมแล้ว
หลักการของมันเหมือนการหัก จงหักก่อน ค่อยเอาที่เหลือไปใช้ 
เหมือนภาษีของรัฐ ต้องหักภาษีก่อนโอนเข้าบัญชี หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่หักค่าซื้อหน่วยก่อนโอนเข้าบัญชี นี่สิถึงจะออมได้

2. การที่เราจะรู้ว่าต้อง ออมเท่าไหร่ (กี่บาทต่อเดือน กี่% ต่อเดือน) ถึงจะไม่ตึงเกินไปหรือหย่อนเกินไป คือลองจดรายรับและรายจ่ายในรอบเดือนดูครับ 
เช่น เงินเดือนเข้าวันที่ 28 ต.ค. ก็จดรายรับวันที่ 28 ต.ค. (สมมติ 50,000 บาท) และรายจ่ายทั้งหมดตั้งแต่ 28 ต.ค.ถึง 27 พ.ย. (สมมติ 38,000) ถ้านี่คือการใช้ปกติไม่ได้พยายามประหยัดอะไร เราก็ออมได้แล้ว 12,000 บาท พอวันที่ 28 พ.ย. เงินเดือนใหม่โอนเข้ามา คุณหัก 12,000 เข้าบัญชีถอนยากไปเลยจร้า ทำไปเรื่อยๆ อยากออมเพิ่มก็ไม่ผิดกติกา

3. หนุ่มสาว หากอยากออมเงินได้ไว อิสระมาเร็วๆ พยายามอย่าเป็นหนี้บริโภคแพงๆ โดยเฉพาะจากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ที่ดอกสูงๆ ตอนจะจ่ายคืนแต่ละเดือนนี่หนืดมากนะ และถ้าไปถึงจุดกดจากบัตรนึง ไปจ่ายอีกบัตรนึง อันนี้จะกระทบการออมมาก

4. พยายามอย่ารีบเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ระยะยาว ผ่อนนาน เช่น บ้าน 
ยกเว้น ซื้อบ้าน อยู่เองด้วย ครอบครัวอยู่ด้วยแบบนี้โอเค ซื้อได้ครับ แต่ถ้าการเงินยังติดๆขัดๆ การเช่าบ้านก่อนก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะ ชอบจริงๆค่อยซื้อ 
คือ บ้าน อย่ารีบซื้อแบบตัดสินใจด่วนๆ เอาวะ ไว้หวังปล่อยเช่า คือถ้าทำเลไม่ดีจริง ไม่มีคนเช่านะ สภาพคล่องต่ำ ขายต่อไม่ง่าย ใช้เวลา เป็นหนึ่งในอุปสรรคการออม

5. สุดท้ายแล้ว ปัญหาเรื่องการออมได้/ไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่อง "วิธีการออม" หรือ อะไรควรทำ ไม่ควรทำหรอกครับ 
เพราะคนส่วนใหญ่ ทราบกันดีอยู่แล้ว

ปัญหาหลักคือ ระเบียบวินัย คือ รู้วิธี แล้ว ก็ต้อง "ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ" ด้วยนะ