เมื่อไม่นานมานี้มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การรวมกิจการระหว่าง SCGL (เอสซีจี โลจิสติกส์ ถือหุ้นโดย SCC 98%) และ JWD
มีสาระสำคัญที่น่าสนใจประกอบไปด้วย
1. ดีลครั้งนี้ใช้วิธีการแลกหุ้น
2. ทาง JWD จะออกหุ้น 791 ล้านหุ้น ที่ราคา 24.02 บาทต่อหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้น SCGL ประกอบไปด้วย 3 บริษัท คือ
... บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จํากัด (SCG CBM)
... บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จํากัด (SCG Distribution)
... กลุ่ม Yamato Holdings
เพื่อแลกหุ้นทั้งหมดของ SCGL มูลค่ากว่า 1.866 หมื่นล้านบาท และจะแล้วในไตรมาส 1 ปี 2566
3. จะมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น "SCGJWD" หรือ บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
4. บริษัทใหม่ SCGJWD จะมี SCC ถือหุ้นใหญ่ 42.95 และ JWD 31.8% และผู้ถือหุ้นอื่น ๆ อีก 25.3%
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ SCGL มีจุดเด่นคือการขนส่งในประเทศ
ในขณะที่ JWD มีจุดเด่นคือการขนส่งระหว่างประเทศ และสินค้าที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง เช่น สินค้าอันตราย สินค้าควบคุมอุณหภูมิ และยานยนต์
ดังนั้น การรวมกิจการเข้าด้วยกัน จะทำให้ SCGJWD กลายมาเป็นบริษัทโลจิสติกซ์ที่ทำธุรกิจครอบคลุม 9 ประเทศในอาเซียนและจีน เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในอาเซียนถ้าวัดจากขนาดรายได้และกำไร
คำถาม คือ การรวมบริษัทใหม่เป็น SCGJWD จะเติบโตต่อไปได้ไกลแค่ไหน
คำตอบ คือ ภาพระยะสั้นอาจจะยังไม่เห็นชัดนัก แต่สำหรับระยะยาวแล้วอยู่ในภาพที่น่าสนใจ
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า ...
1. บริษัทใหม่ SCGJWD จะเติบโตที่ CAGR 12% ต่อปี ในระยะ 5 ปีข้างหน้า
2. การ Synergy ด้านต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
3. โอกาสในการเติบโตผ่านดีลควบรวมกิจการ เนื่องจากว่าบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ ราวๆ 0.3 เท่า ยังเห็นการเติบโตได้อีกมาก
ดีลนี้อยู่ในข่ายที่น่าสนใจและจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตในระยะยาว
เหมือนอย่างที่ SCC เคยทำกับ GLOBAL มาแล้ว
เพียงแต่ดีลนี้อาจจะมา "ผิดเวลา" ไปสักหน่อย คือมาตอนที่หุ้นตก สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกผันผวน ทำให้ไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเท่าไรนัก
--------------------------------------------
Reference