รู้หรือไม่ ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อของยูโรโซนไม่ค่อยจะดีนัก
โดยเดือนกันยายนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 9.9% yoy
ทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.75% เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
โดยการขึ้นครั้งนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2% และเป็นการขึ้นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน
จริงๆแล้วการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ตลาด ...
เพราะนักวิเคราะห์หลายคน รวมถึงสื่อต่างประเทศต่างก็มองว่า
การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ECB เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
และเราอาจจะได้เห็นการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4
พร้อมทั้งมาตรการทางการเงินเพื่อดึงสภาพคล่องกลับ หรือที่เรียกว่า Quantitative Tightening (QT)
โดยมีจุดประสงค์เพื่อคุมเงินเฟ้อให้อยู่ที่ 2%
แต่มาตรการนี้เราจะเริ่มเห็นในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า ซึ่งนักลงทุนค่อยกลับมากังวลกันอีกครั้ง
ภาพระยะยาว เราจะเห็นสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกกลับมาผันผวนอย่างหนักอีกครั้ง
แต่สำหรับภาพระยะสั้น เราจะเห็นสภาพคล่องเริ่มไหลกลับสินทรัพย์เสี่ยง
โดยเริ่มเห็นจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น และ Dolla Index ที่อ่อนค่าลง
ประเด็นคือจะส่งผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงในประเทศไทยอย่างไร ... ?
ระยะสั้น เงินบาทน่าจะหยุดอ่อนค่า
และ Fund Flow มีโอกาสจะไหลกลับเข้าไปในตลาดหุ้น
พูดง่ายๆคือ ถ้าเราเชื่อว่าแรงขับเคลื่อนของเงินทุนต่างชาติ ทำให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นได้
ก็อาจจะตีความได้ว่า หุ้นไทยอาจจะขึ้นได้
แต่ความเสี่ยงอยู่ที่ ตลาดมองแล้วว่าไตรมาส 1 ปีหน้า ECB จะเริ่มทำ QT ดึงสภาพคล่องกลับ ตลาดหุ้น และสินทรัพย์เสี่ยงก็จะกลับมาปั่นป่วนกันอีกครั้งหนึ่ง
----------------------------------------------------
Reference