สถานการณ์ตลาดหุ้นทางฝั่งจีนและฮ่องกงไม่ค่อยจะดีนัก
โดยตลาดหุ้นจีน Shanghai Composite Index -2.02%
และตลาดหุ้นฮ่องกง Hang Seng Index -6.36%
ทำให้เกิดประเด็นที่น่าสนใจว่า นักลงทุนกำลังกลัวอะไรในตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ?

ตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นขาขึ้นมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ในปี 1989
คำตอบ คือ ท่าทีการประชุมผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ผ่านมา "ไม่ค่อยจะดีนัก" โดยมีอยู่ 2 ประเด็นที่นักลงทุนต้องรู้ คือ
1. การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนของสีจิ้นผิงเป็นสมัยที่ 3
2. การแต่งตั้งคนสนิทหลายคนเข้ามาบริหารพรรค
โดยเฉพาะเรื่องที่ 2 เป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติ "ไม่ชอบ" เท่าไรนัก ....
ทำไมถึงไม่ชอบ ?
เพราะคนสนิทของสีจิ้นผิงที่เข้ามาบริหารพรรคคอมมิวนิสต์อยู่ตอนนี้ล้วนแต่เห็นด้วยและสนับสนุนกับนโยบายที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Zero-Covid การควบคุมอย่างเข้มข้นในเรื่องการแพร่ระบาด
และการควบคุมธุรกิจเทคโนโลยีในจีน ที่ได้สร้างความปั่นป่วนต่อตลาดหุ้นอย่างมาก
นักวิเคราะห์หลายคนมีความเห็นตรงกันว่าสี จิ้นผิง จะยังคงควบคุมหุ้นเทคโนโลยีต่อไปและอาจจะรุนแรงมากขึ้น
แต่เดิม คนในพรรคอาจจะไม่เห็นด้วยในบางเรื่องที่สี จิ้นผิง ทำ
แต่ในปัจจุบัน ทุกคนเห็นด้วยหมด ดังนั้นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้ควบคุมอย่างหนักมากขึ้น
"อำนาจทั้งหมดอยู่ในมือของสี จิ้นผิง" นักวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นผ่าน CNBC
จึงไม่แปลกใจ ถ้าเราจะเห็นหุ้นเทคโนโลยีจีนปรับตัวกันอย่างรุนแรง
หุ้น Alibaba -11.42%
หุ้น Tencent -11.43%
หุ้น Baidu -12.20%
หุ้น Meituan -14.83%
ต้องยอมรับว่าปีนี้ ไม่ใช่ปีของการลงทุนในหุ้นจีน
เพราะการเพิ่มอำนาจของสี จิ้นผิง และการแต่งตั้งคนสนิทเข้ามาบริหารพรรค จะทำให้การควบคุมมีความเข้มข้นขึ้น รุนแรงขึ้นเพราะไม่มีใครค้าน
และนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนต่างหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก