หนึ่งในคำถามที่สร้างความลำบากใจในการตอบที่สุด
คือคำถามของนักลงทุนรายย่อย ที่ถามลอยๆมาว่า
----------------------------------------
ผมติดหุ้น XYZ อยู่ครับ
ทุน 10 บาท ตอนนี้เหลือ 8 บาท
ควรคัทไหมครับ ?
----------------------------------------
สั้นๆแค่นี้เลยครับ แล้วสอบถามมา เหมือนกับอยากหาคนช่วยตัดสินใจแทนให้ตัวเอง
ครั้นจะไม่ตอบ...ก็รู้สึกกังวล
ครั้นจะตอบ...ก็รู้สึกไม่ดี
ยอมรับว่าลำบากใจทุกครั้งที่เจอคำถามแบบนี้เข้ามาทางอินบอกซ์
และส่วนใหญ่เจ้าของคำถามมักจะติดตามคำตอบแบบเกาะติดอยู่เสมอ เพราะเห็นตัวแดงในพอร์ตแล้วร้อนใจ
โดยหลักการแล้ว ผมมีกฏเหล็กกรณีเดียว ที่จะตัดสินใจคัทลอส(ขายตัดขาดทุน) ได้แบบทันทีเลย คือ ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางแย่ลงจนประเมินมูลค่าหุ้นใหม่ไม่ได้
โดยเฉพาะหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานพังจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบต่อการดำเนินงานของกิจการอย่างมีนัยสำคัญ หลายคนอาจจะสงสัยว่าปัจจัยพื้นฐานจะพังง่ายๆได้อย่างไร จริงๆแล้วมีนะครับ ตัวอย่างเช่น
- แพ้ประมูลต่อสัมปทาน ... กิจการสัมปทานรัฐ ที่มีธุรกิจหลักสร้างรายได้จากโครงการสัมปทาน แล้วสัญญาหมดอายุซึ่งต้องเข้าสู่การประมูลเพื่อต่อสัญญารอบใหม่ แต่ปรากฏว่าประมูลแล้วแพ้ผู้เล่นรายใหม่ แบบนี้กระทบต่อรายได้และกำไรกระทั่งเราเองประเมินมูลค่าไม่ได้ แบบนี้ต้องขายคัทออกมาก่อนครับ
- เข้าสู่รอบขาลงอย่างชัดเจน... ลองนึกถึงกลุ่มหุ้น Covid Play ที่ชอบโควิดและการปิดเมือง กิจการดีในช่วงโควิด เช่น หุ้นประชุมทางไกล หุ้นช้อปปิ้งออนไลน์ หุ้นอุปกรณ์การแพทย์แบบถุงมือยาง เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนผ่านช่วงปิดเมืองไปสู่ช่วงเปิดเมือง นั่นหมายถึงปัจจัยบวกในระยะสั้น-กลางของกิจการกำลังหายไปอย่างมีนัยสำคัญ ความต้องการสินค้าและบริการจะลดลง สมมติฐานที่ใช้ในการประเมินมูลค่าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ราคาของหุ้นกลุ่มนี้สามารถ ติดลบได้ 50-60% ภายในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนั้น
- Regulatory Risk กระทบแรงๆ… ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดเกิดกับหุ้นติวเตอร์โรงเรียนสอนพิเศษที่ประเทศจีน ที่วันดีคืนดี รัฐบาลประกาศนโยบายว่า ธุรกิจชนิดนี้ห้ามค้ากำไร แบบนี้คือจบทันทีครับ
แต่หากกรณีหุ้น XYZ ไม่ได้พื้นฐานพังแบบชัดเจน แต่พื้นฐานก็ไม่ได้ดีขนาดมั่นใจว่าผลประกอบการจะเติบโตได้ภายใน 1-2 ไตรมาส การตัดสินใจว่าจะคัทหรือไม่ ก็ยังมีปัจจัยประกอบอีกหลายอย่าง อาทิเช่น
- เรายังมีกระแสเงินสดรับหรือไม่ ? เช่น เงินเดือน เงินปันผล รายได้จากการค้าขาย
- ถ้ามี..แปลว่าเรามีทางเลือกที่จะถือรอไปก่อนได้ หรืออาจจะถัวซื้อเพิ่ม เมื่อพื้นฐานกิจการกำลังดีขึ้น และราคาต่ำกว่ามูลค่าจริงๆ
- ถ้าไม่มี..เราอาจจำเป็นต้องพิจารณาขายหุ้น XYZ ออกบางส่วน เพื่อเสริมสภาพคล่องส่วนตัว
- การกระจายหุ้นในพอร์ตของเรา และ น้ำหนักพอร์ตของเรา เป็นอย่างไร ? หากเราลงทุนกระจุกเฉพาะที่หุ้น XYZ ตัวเดียวเกือบทั้งพอร์ต แล้วราคาหุ้นลงมา -20% แบบนี้เราอาจจำเป็นต้องลดพอร์ตด้วยการขายคัทหุ้น XYZ ออกบางส่วน เพื่อเป็นทุนในการลงทุนซื้อหุ้นตัวอื่นๆ สร้างเป็นพอร์ตโฟลิโอที่มีการกระจายหลายอุตสาหกรรม มีโอกาสรอรับขาขึ้นได้มากกว่ารอกับหุ้น XYZ
สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดในการจะคัทหรือไม่คัทหุ้น มันคือปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเองครับ อย่างน้อยที่สุด นักลงทุนจำเป็นต้องรู้ว่าธุรกิจของมันกำลังจะดีขึ้น หรือกำลังจะแย่ลง
นักลงทุนระดับโลกถึงได้เคยเน้นย้ำหนักหนาว่า “จงลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ”