#แนวคิดด้านการลงทุน

ติดหุ้น ควรคัทไหมครับ ?

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
2,261 views

หนึ่งในคำถามที่สร้างความลำบากใจในการตอบที่สุด 

คือคำถามของนักลงทุนรายย่อย ที่ถามลอยๆมาว่า 

---------------------------------------- 

ผมติดหุ้น XYZ อยู่ครับ 

ทุน 10 บาท ตอนนี้เหลือ 8 บาท 

ควรคัทไหมครับ ? 

---------------------------------------- 

 

สั้นๆแค่นี้เลยครับ แล้วสอบถามมา เหมือนกับอยากหาคนช่วยตัดสินใจแทนให้ตัวเอง 

ครั้นจะไม่ตอบ...ก็รู้สึกกังวล 

ครั้นจะตอบ...ก็รู้สึกไม่ดี

 

ยอมรับว่าลำบากใจทุกครั้งที่เจอคำถามแบบนี้เข้ามาทางอินบอกซ์ 

และส่วนใหญ่เจ้าของคำถามมักจะติดตามคำตอบแบบเกาะติดอยู่เสมอ เพราะเห็นตัวแดงในพอร์ตแล้วร้อนใจ 

 

โดยหลักการแล้ว ผมมีกฏเหล็กกรณีเดียว ที่จะตัดสินใจคัทลอส(ขายตัดขาดทุน) ได้แบบทันทีเลย คือ ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางแย่ลงจนประเมินมูลค่าหุ้นใหม่ไม่ได้ 


 

โดยเฉพาะหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานพังจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบต่อการดำเนินงานของกิจการอย่างมีนัยสำคัญ  หลายคนอาจจะสงสัยว่าปัจจัยพื้นฐานจะพังง่ายๆได้อย่างไร จริงๆแล้วมีนะครับ ตัวอย่างเช่น 

 

  • แพ้ประมูลต่อสัมปทาน ... กิจการสัมปทานรัฐ ที่มีธุรกิจหลักสร้างรายได้จากโครงการสัมปทาน แล้วสัญญาหมดอายุซึ่งต้องเข้าสู่การประมูลเพื่อต่อสัญญารอบใหม่ แต่ปรากฏว่าประมูลแล้วแพ้ผู้เล่นรายใหม่ แบบนี้กระทบต่อรายได้และกำไรกระทั่งเราเองประเมินมูลค่าไม่ได้ แบบนี้ต้องขายคัทออกมาก่อนครับ 
  • เข้าสู่รอบขาลงอย่างชัดเจน... ลองนึกถึงกลุ่มหุ้น Covid Play ที่ชอบโควิดและการปิดเมือง กิจการดีในช่วงโควิด เช่น หุ้นประชุมทางไกล หุ้นช้อปปิ้งออนไลน์ หุ้นอุปกรณ์การแพทย์แบบถุงมือยาง เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนผ่านช่วงปิดเมืองไปสู่ช่วงเปิดเมือง นั่นหมายถึงปัจจัยบวกในระยะสั้น-กลางของกิจการกำลังหายไปอย่างมีนัยสำคัญ ความต้องการสินค้าและบริการจะลดลง สมมติฐานที่ใช้ในการประเมินมูลค่าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ราคาของหุ้นกลุ่มนี้สามารถ ติดลบได้ 50-60% ภายในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนั้น 
  • Regulatory Risk กระทบแรงๆ…  ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดเกิดกับหุ้นติวเตอร์โรงเรียนสอนพิเศษที่ประเทศจีน ที่วันดีคืนดี รัฐบาลประกาศนโยบายว่า ธุรกิจชนิดนี้ห้ามค้ากำไร แบบนี้คือจบทันทีครับ 

 

แต่หากกรณีหุ้น XYZ ไม่ได้พื้นฐานพังแบบชัดเจน แต่พื้นฐานก็ไม่ได้ดีขนาดมั่นใจว่าผลประกอบการจะเติบโตได้ภายใน 1-2 ไตรมาส การตัดสินใจว่าจะคัทหรือไม่ ก็ยังมีปัจจัยประกอบอีกหลายอย่าง อาทิเช่น 

  • เรายังมีกระแสเงินสดรับหรือไม่ ? เช่น เงินเดือน เงินปันผล รายได้จากการค้าขาย 
    • ถ้ามี..แปลว่าเรามีทางเลือกที่จะถือรอไปก่อนได้ หรืออาจจะถัวซื้อเพิ่ม เมื่อพื้นฐานกิจการกำลังดีขึ้น และราคาต่ำกว่ามูลค่าจริงๆ 
    • ถ้าไม่มี..เราอาจจำเป็นต้องพิจารณาขายหุ้น XYZ ออกบางส่วน เพื่อเสริมสภาพคล่องส่วนตัว 
  • การกระจายหุ้นในพอร์ตของเรา และ น้ำหนักพอร์ตของเรา เป็นอย่างไร ? หากเราลงทุนกระจุกเฉพาะที่หุ้น XYZ ตัวเดียวเกือบทั้งพอร์ต แล้วราคาหุ้นลงมา -20% แบบนี้เราอาจจำเป็นต้องลดพอร์ตด้วยการขายคัทหุ้น XYZ ออกบางส่วน เพื่อเป็นทุนในการลงทุนซื้อหุ้นตัวอื่นๆ สร้างเป็นพอร์ตโฟลิโอที่มีการกระจายหลายอุตสาหกรรม มีโอกาสรอรับขาขึ้นได้มากกว่ารอกับหุ้น XYZ 

 

สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดในการจะคัทหรือไม่คัทหุ้น มันคือปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเองครับ อย่างน้อยที่สุด นักลงทุนจำเป็นต้องรู้ว่าธุรกิจของมันกำลังจะดีขึ้น หรือกำลังจะแย่ลง 

นักลงทุนระดับโลกถึงได้เคยเน้นย้ำหนักหนาว่า “จงลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ”


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง