ช่วงนี้เราจะเห็นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างมาก
ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ยังมีประเด็นอะไรที่นักลงทุนยังกังวลกันอยู่อีก
เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ก็น่าจะสะท้อนไปแล้วระดับหนึ่ง
ปรากฏว่าสิ่งที่นักลงทุนกำลังกังวลอยู่ตอนนี้ คือ
เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่สภาวะ Recession แบบจริงๆช่วงกลางปีหน้าที่จะถึงนี้
World Bank และ IMF ออกบทวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเข้าสู่สภาวะถดถอยทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อพุ่งเร็วเกินไปทำให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป รวมถึงธนาคารกลางในประเทศอื่นๆอีกด้วย
... เมื่อประเทศพัฒนาแล้วเกิดเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้นแรงกดดันก็จะมากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาอีกด้วย
IMF มองว่าประเทศหนึ่งในสามของโลกอาจจะเห็น GDP ติดลบสองไตรมาสติดต่อกันในปีหน้า นั่นหมายความว่าประเทศได้เข้าสู่สภาวะถดถอย Recession โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง การเงินตึงตัว หนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ในจุดที่น่ากังวล
สอดคล้องกับความเห็นของนายเจมี่ ไดมอนต์ ผู้บริหารระดับสูงของ JPMorgan แสดงความคิดเห็นว่า มีความน่าจะเป็นสูงมากที่เราจะเห็นเศรษฐกิจของอเมริกาเข้าสู่สภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยความเสี่ยงมาจากตลาดสินเชื่อ
ดังนั้น นักลงทุนอาจจะได้เห็นดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงอีก 20%
บทวิเคราะห์มองว่า ภาพของตลาดตอนนี้ถือว่าสะท้อนภาพของเศรษฐกิจถดถอยไปแล้ว "ระดับหนึ่ง" แต่ยังไม่รับรู้เรื่องของสภาวะ Hard Landing อาจจะยังปรับตัวลดลงได้อีกเพื่อหาจุดต่ำสุดต่อไป
โดยสรุปแล้วในปีหน้าสิ่งที่นักลงทุนจะได้เห็นคือ
1. เราอาจจะเห็นประเทศ 1 ใน 3 ของโลกเข้าสู่สภาวะถดถอยในปีหน้า
2. การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก นโยบายการเงินยังไม่ผ่อนคลาย
3. เราอาจจะได้เห็นดัชนีหุ้นทางฝั่งอเมริกาปรับตัวลดลงได้อีกราวๆ 20%
ดังนั้นการคงสัดส่วนถือเงินสดให้มากหน่อย ถือสินทรัพย์เสี่ยงลดลง
อาจจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีไปจนถึงปีหน้าครับ ....
---------------------------------
Reference