เมื่อไม่นานมานี้ JMART ได้แถลงการรีแบรนด์ภาพลักษณ์ธุรกิจโดยใช้ "ใจ" เป็นจุดยืนในการทำธุรกิจและผลักดันการเติบโต ที่มีมากถึง 20 บริษัทในเครือ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตให้กับคนไทย การมองหาโอกาสการเติบโตร่วมกับพันธมิตร นวัตกรรมทางดิจิทัล
แต่เดิม JMART นักลงทุนจะเข้าใจว่าเป็นบริษัทขายสมาร์ทโฟน ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระ และจัดเก็บหนี้
แต่ตอนนี้ JMART กำลังเปลี่ยนมาเป็น บริษัทเทคโนโลยีที่เน้นการลงทุน (Technology investment Company) โดยตั้งเป้าว่าจะมีมูลค่าตลาด (Marke Cap.) 5 แสนล้านบาท
ปัจจุบัน กลุ่ม JMART ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มี Market Cap อยู่ราวๆ 1.98 แสนล้านบาท และการตั้งเป้าให้ถึง 5 แสนล้านบาท ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทายมาก ทั้งจากธุรกิจเดิม JMART, JMT, J และ SINGER อีกทั้งในช่วงปี 2566 บริษัทมีแผนจะนำบริษัทลูกเข้าจดทะบียนอีก 4 บริษัท ได้แก่
1. บมจ. เอสจี แคปปิตอล (SGC)
ผู้ให้บริการทางการเงิน ที่ไม่ใช่สถาบันทางการเงิน ประกอบธุรกิจสินเชื่อทั้งทีมีหลักประกัน และไม่มีหลักประกัน คือ
... สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า
... สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
... สินเชื่อสวัสดิการพนักงาน
... สินเชื่อผ่อนทองออนไลน์
2. บจ.พีอาร์ทีอาร์ (PRTR)
ประกอบธุรกิจจัดหาบุคลากร และให้บริการทรัพยากรบุคคล (HR Outsourcing)
3. บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด หรือ KB J Capital (ในปี 2567)
ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล รถยนต์ และโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งบัตรกดเงินสด โดยร่วมมือกัน KB Kookmin Card บริษัททำสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหญ่ของเกาหลีใต้
4. บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด หรือ Beans and Brown (ในปี 2568)
ธุรกิจร้านอาหารและร้านกาแฟ แบรนด์ Casa Lapin และ Rabb Coffee
การนำทั้ง 4 บริษัท จะช่วยเพิ่ม Market Cap. ของบริษัทให้โตต่อได้อีกมาก ...
แต่ถ้าบริษัทเดิมไม่ได้เติบโต ก็ถือว่าไม่ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ... แต่สำหรับ JMART ไม่ได้เป็นแบบนั้น
เพราะบทวิเคราะห์มีมุมมองว่า แนวโน้มกำไรของ JMART จะเติบโตในครึ่งปีหลังของปี 2565 จากการเติบโตขึ้นในทุกๆธุรกิจ โดยเฉพาะ Jmart Mobile และ JMT
... Jmart Mobile ได้รับอานิสงค์การเปิดเมืองเต็มรูปแบบ ช่วยให้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ขายได้มากขึ้น การเปิดตัว Iphone14 และเป็นช่วง High Season ของการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่เพิ่มขึ้น
... JMT ธุรกิจจัดเก็บหนี้จะมีพอร์ตลูกหนี้ที่ขยายตัวต่อเนื่อง บวกกันความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่ดีมากขึ้น จะช่วยเพิ่มรายได้และอัตรามาร์จิ้นให้สูงขึ้น
อีกทั้ง รายจ่ายจากการเคลมประกันภัยโควิดได้หมดไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2565 ที่ผ่านมา
โดยสรุปแล้ว JMART กำลังปรับภาพลักษณ์ใหม่ โดยใช้ "ใจ"เป็นศูนย์กลางทั้งในเรื่องของการทำธุรกิจ และผลักดันการเติบโตของบริษัทไปพร้อมกับพันธมิตร
โดยจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตจากธุรกิจเดิม (Oraganic Growth) และการเติบโตจากการหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (Inorganic Growth)
แต่ที่น่าสนใจ มากที่สุด คือ JMART ตั้งเป้าหมายจะมี Market Cap. รวมกันทั้งกลุ่มมากถึง 5 แสนล้านบาท ภายใน 2 ปี
... ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างมาก
นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดครับ ....
--------------------------------------
Reference