จากอิทธิพลของพายุ "โนรู" ทำให้เกิดน้ำท่วมแล้วกว่า 30 จังหวัดอย่างรวดเร็ว
ทำให้เกิดคำถามว่า การท่วมครั้งนี้จะรุนแรงเหมือนปี 2554 หรือไม่ ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ว่าการท่วมครั้งนี้ไม่น่าจะรุนแรง และยาวนานเหมือนปี 2554 ในภาพรวม
มองว่าสถานการณ์น้ำท่วมน่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ และไม่ท่วมขังเหมือนปี 2554 หมายความว่าบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในพื้นทีน้ำท่วมน่าจะได้รับผลกระทบจำกัด โดยแบ่งเป็นการวิเคราะห์ 6 กลุ่มด้วยกัน คือ
1. หุ้นกลุ่มพาณิชย์
มองผลกระทบจำกัด แต่ไม่มีนัยต่อผลประกอบการ
2. กลุ่มไฟแนนซ์
NPL ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมาก แต่อาจจะมี Loan Growth ตามมาหลังน้ำท่วม
3. กลุ่มโลจิสติกส์
ผลกระทบจำกัด แต่อาจจะมีบ้างเฉพาะบริษัทที่มีพื้นที่อยู่ในน้ำท่วมขัง
4. กลุ่มปั้มน้ำมัน
ยอดขายน่าจะชะลอตัวลง โดยจากข้อมูลย้อนหลังพบว่าการใช้น้ำมันเบนซินจะลดลงราวๆ 7%
5. กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
ผลกระทบไม่มาก นิคมขนาดใหญ่มีระบบป้องกันและระบายน้ำที่มีมาตรฐาน ในขณะที่นิคมขนาดเล็กมีความเสี่ยงมากกว่า แต่เชื่อว่าจะไม่แย่เท่าปี 2554
6. กลุ่มอื่นๆ
กลุ่มยานยนต์ อาจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง
ในขณะที่กลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล ไม่ได้รับผลกระทบ
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ว่าหุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากน้ำท่วมที่น่าสนใจ คือ HMPRO GLOBAL CPALL BJC และ TASCO
โดยกลยุทธ์ซื้อหุ้นช่วงต้นตุลาคม ไปขายต้นเดือนพฤษจิกายน คาดว่าจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% จากสถิติตั้งแต่ปี 2558 - 2564
โดยสรุปแล้ว บทวิเคราะห์เชื่อว่าการท่วมครั้งนี้จะไม่กระทบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมากนัก
และไม่น่าจะยาวนานและยืดเยื้อเท่ากับปี 2554
------------------------------------------------
Reference