ถือเป็นก้าวที่น่าจับตาอย่างมาก สำหรับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเดินรถไฟฟ้า อย่าง BTS 
ถ้าเราบอกว่า BTS ไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า โรงแรม หรือห้างสรรพสินค้า ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
และดูเหมือนว่าธุรกิจจะดูเกื้อหนุนกับธุรกิจเดินรถไฟฟ้า
แต่ถ้าเราบอกว่า BTS หันไปรุกธูรกิจสินเชื่อ 
... เราอาจจะต้องกลับมานั่งอ่านรายละเอียดว่า เพราะเหตุใด BTS จึงหันไปทำธุรกิจสินเชื่อ ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจเดิมเลย

เมื่อไม่นานมานี้ BTS แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ได้เข้าลงทุนใน TNL หรือบริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) ผ่านการเข้าซื้อหุ้น PP และ RO ของ TNL โดยสรุปดีลออกเป็น 4 หัวข้อ คือ

1. BTS ใช้เงิน 2.88 พันล้านบาท เข้าซื้อหุ้น TNL ที่ราคา 33.06 บาท/หุ้น คิดเป็น 41.09% ของหุ้น TNL ทั้งหมด

2. BTS จะใช้เงินอีก 1.25 พันล้านบาท ทำ Tender Offer หุ้น TNL ทั้งหมด จากนักลงทุนรายย่อยราวๆ 17.82% (ไม่นับ SPI ที่เป็นผู้ถือใหญ่ของ TNL และมีข้อตกลงกันว่า SPI จะไม่ขายหุ้นออกมาระหว่างที่ BTS ทำ Tender Offer)
... นั้นหมายความว่า BTS จะถือหุ้น TNL รวม 58.91% 
แต่เนื่องจากว่า BTS ไม่มีเจตนาจะถือหุ้นเกิน 50% ดังนั้น เมื่อดีลสิ้นสุดแล้วจำนวนหุ้นที่เหลือจะถูกขายออกมา

3. BTS มีบริษัทลูก คือ U City (หุ้น U) จะขายหุ้น 50% ในธูรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กับ TNL

4. SPI ที่เป็นผู้ถือเหุ้นใหญ่ TNL จะขายหุ้น 90% ใน Oxygen asset ที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อโดยมีที่ดินค้ำประกัน

แต่เดิม TNL ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องหนังครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี และเด็ก เป็นบริษัทลูกของ SPI หรือบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
ปัจจุบันราคาหุ้นขึ้นมาแล้วกว่า 122% ใน 1 ปี ทำให้ค่า P/E ของหุ้นสูงแตะระดับ 113 เท่า

ถามว่า ทำไม BTS ถึงรุกธุรกิจสินเชื่อโดยมีที่ดินค้ำประกัน
คำตอบ คือ การเติบโตของ BTS 
ธุรกิจใหม่ของ TNL หลังการปรับโครงสร้างจะกลายมาเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะจับตลาดลูกค้าบุคคลหรือ SME ที่มีที่ดินมาค้ำประกัน ซึ่ง Margin ของธุรกิจนี้อยู่ราวๆ 20% ถือว่าสูงมาก 
และถ้ามีการผิดนัดชำระหนี้ ทาง TNL ก็อาจจะนำที่ดินที่ยึดมา มาสร้างอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโด ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำกำไรได้ดี 
อย่างไรก็ตาม TNL เริ่มต้นดำเนินธุรกิจ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลา 
ฝ่ายวิจัยกรุงศรี มองว่า ในช่วงเริ่มต้น TNL อาจจะมีผลขาดทุนให้กับ BTS ราวๆ 60 ล้านบาท แต่ก็ยังถือว่าไม่มาก เมื่อเทียบกับผลกำไรของ BTS ที่ระดับ 3 พันล้านบาท

ถือว่าเป็นอีกกก้าวของ BTS ที่น่าติดตามอย่างมาก
เพราะถ้าบริษัทไม่มีอะไรน่าสนใจ ราคาหุ้น BTS ก็ยังน่าจะ Sideway Down อยู่ต่อไป
โดยปัจจุบัน ราคาหุ้น BTS ร่วงลงไปแล้วกว่า -13% ใน 1 ปี 
เชื่อว่าประเด็นนี้อาจจะทำให้ BTS กลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้ง ครับ ...

---------------------------------------------
Reference

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย : การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์  

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กรุงศรี