เชื่อว่าช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่นักลงทุนให้ความกังวลมากที่สุด คือ เรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยทั่วโลก โดยมีที่มาจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทำให้หลายๆประเทศต้องขึ้นดอกเบี้ยตามเพื่อไม่ให้ค่าเงินของประเทศอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ
สิ่งที่น่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา คือ
1. ธนาคารกลางสหรัฐ มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้งติดต่อกัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 0% ขึ้นมามากถึง 3.25% หรือคิดเป็น 300 bps
2. การขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง Dollar Index ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 20 ปี ที่ 114.80 จุด

ทำให้เกิดคำถามว่า Dollar Index ใกล้จบรอบแล้วหรือยัง ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า วิเคราะห์ว่า เราจะเริ่มเห็นการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเริ่ม "ชะลอ" ลง ทำให้การปรับตัวของ Dollar Index ใกล้แตะจุดสูงสุด และอาจจะเห็นการเปลี่ยนแนวโน้มในระยะเวลาอันใกล้
... ในวันที่ 13 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เป็นวันประกาศเงินเฟ้อของเดือนกันยายน ตลาดมองว่าเงินเฟ้อน่าจะลดลง
เพราะช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้อัตราเงินเฟ้อก็ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง
บทวิเคราะห์มองว่า ในปีนี้ยังเหลือการประชุมอีก 3 ครั้ง น่าจะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกทั้ง 3 ครั้ง คาดว่าอยู่ที่ 75 bps, 50 bps และ 25 bps ตามลำดับ
สรุปแล้ว ตลาดการเงินโลกกำลังปรับเข้าสู่จุดสมดุลใหม่ ดอลลาห์สหรัฐอาจจะอ่อนตัวลงพร้อมกับการแข็งค่าของสกุลเงินทั่วโลก รวมถึงการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยที่น่าจะลดความรุนแรงลง
ประเด็นถัดมา คือ แล้วสำหรับหุ้นไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังจากนี้ ?
คำตอบ คือ หุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ...
จากข้อมุลสถิติบ่งบอกว่า ถ้า Dollar Index ปรับตัวขึ้นแรงทำจุดสูงสุดแล้วค่อยๆลดลงมา จะทำให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวขึ้น
ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ... หุ้นไทยปรับขึ้น 0.8%
ในระยะเวลา 1 เดือน ... หุ้นไทยปรับขึ้น 0.3%
ในระยะเวลา 3 เดือน ... หุ้นไทยปรับขึ้น 6.7%
ในระยะเวลา 6 เดือน ... หุ้นไทยปรับขึ้น 16.7%
ในระยะเวลา 1 ปี ... หุ้นไทยปรับขึ้น 20%
พูดง่ายๆ คือ SET Index จะปรับตัว "ตรงกันข้าม" กับค่าเงินบาท
หากเงินบาทแข็งค่า เป็นสัญญาณของเงินทุนไหลเข้า SET จะปรับตัวขึ้นได้
อีกทั้ง เศรษฐกิจไทยน่าจะยังได้แรงหนุนจากเรื่องของการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
ถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนไทย ไม่ควรมองข้ามครับ
-------------------------------------------
Reference