ต้องยอมรับว่าความกังวลช่วงนี้ที่เกิดขึ้น นอกจากปัญหาเงินเฟ้อสูงทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยแล้ว
สิ่งที่คนให้ความสนใจอย่างมาก คือ ค่าเงินทั่วโลกที่อ่อนค่าลงเรื่อยๆเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลล่าร์
หมายความว่า นักลงทุนกำลังเทขายค่าเงินของประเทศอื่นๆ (รวมทั้งไทย) และหันไปถือสกุลเงินดอลล่าร์แทน ..

ทำให้สกุลเงินหลายประเทศสูญเสียมุลค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ
... ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิง อ่อนค่าลงไปแล้ว 20.5% เมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ
... ค่าเงินหยวนของจีน อ่อนค่าลงไปแล้ว 11.73% เมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ
... ค่าเงินวอนของเกาหลีใต้ อ่อนค่าลงไปแล้ว 16.89% เมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ
... ค่าเงินเยนของญี่ปุ่น อ่อนค่าลงไปแล้ว 20.26% เมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ
... ค่าเงินบาทของไทย อ่อนค่าลงไปแล้ว 12.93% เมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ เราจะเริ่มเห็นท่าทีของธนาคารกลางทแต่ละประเทศเริ่มไม่อยู่เฉยอีกต่อไป 
ล่าสุด ธนาคารกลางของอังกฤษ (BOE) ได้ประกาศเข้าแทรกแซงเพื่อดูแลเสถียรภาพของตลาดพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ 
ด้วยวงเงินกว่า 65 พันล้านปอนด์ โดยจะรับซื้อจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2565 
เราจึงเริ่มเห็น Bond Yield 30 ปี กลับเข้าสู่สภาวะปกติที่ 5.14% เหลือ 3.97% 
ส่งผลให้ค่าเงิน "ปอนด์สเตอร์ลิง" และ "ยูโร" กลับมาแข็งค่า ...

ท่าทีของแบงก์ชาติอังกฤษ ทำให้นักลงทุนหันมาเทขายสกุลเงินดอลล่าร์ โดยดอลล่าร์อ่อนค่าลง 1.32% 
ซึ่งแนวโน้มนี้ เชื่อว่าจะเริ่มเห็นมาตรการธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลกออกมา "ควบคุม" ค่าเงินของตัวเองมากขึ้น เช่น
... ธนาคารกลางจีน (PBOC) ออกมาเตือน (และสั่ง) เรื่องของการเก็งบกำไรค่าเงิน และจับตาค่าเงินหยวนไม่ให้อ่อนไปมากกว่านี้
... ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) มีแผนจะเข้าแทรกแซงซื้อพันธบัตรของประเทศเกาหลี (คล้ายๆของอังกฤษ) เพื่อสกัดค่าเงินวอนไม่ให้อ่อนไปมากกว่านี้
... ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เริ่มใช้มาตรการ "พยุงค่าเงิน" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 ทำให้ค่าเงินเย็นกลับมาแข็งขึ้นราวๆ 4%

ท่าทีของธนาคารกลางทั่วโลกหันมาแทรกแซงมากขึ้น อาจจะส่งผลให้ Dollar Index กลับมาอ่อนค่าลงในอนาคตอันใกล้ 
เพราะเราต้องไม่ลืมว่าสัดส่วนตะกร้าเงินดอลล่าร์ ประกอบไปด้วย EUR+ JPY + GBP มีสัดส่วนกว่า 83%

ถามว่า แล้วสำหรับค่าเงินบาท จะมีทิศทางเป็นอย่างไรต่อไป ? 
คำตอบคือ มีแนวโน้มกลับมา "แข็งค่า" 
... และที่สำคัญคือหนุน Flow ต่างชาติให้ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นอีกด้วยครับ