#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

วางแผนการลงทุน แบบอยู่รอดตลอดศก

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
121 views

ปีใหม่แล้ว มาวางแผนลงทุนแบบ อยู่รอดตลอดปี

เข้าสู่ศักราชใหม่ ปีใหม่ 2559 แล้ว ผมคิดว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่มนุษย์เศรษฐกิจในยุคนี้ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหุ้น นักลงทุนกองทุน มนุษย์งานประจำ หรืองานไม่ประจำทั้งหลาย จะได้มองตรึกตรองวางแผนการเงินเป็นแพคเกจทั้งปี เพื่อเป้าหมายเกษียณด้วยหุ้น เกษียณด้วยกองทุน แบบที่มีการบริหารความเสี่ยง และบริหารภาษี เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวท่านเอง

เพราะความฝันเรื่องการเกษียณเร็ว เกษียณรวย ก็เป็นความฝันอันดับต้นๆของคนเจนเนอเรชั่นนี้ การที่มนุษย์คนหนึ่งจะเกษียณ...เลิกทำงาน แบบรวยได้ ผมคิดว่า ต้องมีรายได้จาก “เงินไหล” (หรือ Passive Income) มากกว่ารายจ่ายประจำ จึงจะนับว่าพบอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง ซึ่งก็คือการสร้างรายได้จากการลงทุนที่เกิดจากการ “ทยอยลงทุนระยะยาว” วางแผนตั้งแต่ต้นปี ทำทั้งปี และทำทุกปี ... ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวรวยเอง

ผมขอแนะนำเครื่องมือการลงทุนหลากหลายชนิดให้ลองพิจารณาดูดังนี้ครับ ขอให้ตั้งใจว่า ปี 2559 เมื่อรายได้ของท่านเข้าบัญชีมาให้ลองทำดังนี้

1. ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เอกชน) หรือ กบข. (ราชการ) อย่างน้อย 5% ของรายได้

นี่คือกองทุนต้องห้ามพลาด นี่เป็นการลงทุนที่ไร้พ่าย มีแต่ได้กับได้ เพราะลงทุนทุกเดือน และนายจ้างก็จะสมทบให้ในจำนวนที่เท่ากันด้วย พอเกษียณก็รับทั้งหมดไปเลย อ้อ! ความสุดยอดอีกอย่างคือ สามารถหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

2. ลงทุนในกองทุน LTF 15% ของรายได้

นี่คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ลงทุนได้สูงสุด 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท และถือครอง 7 ปีปฏิทิน(ตั้งแต่ปี 59) ซื้อลงทุนแล้วลดหย่อนภาษีได้ การลงทุน LTF ส่งผลดีต่อทั้งนักลงทุนและตลาดหุ้นไทยในระยะยาว เพราะเงินลงทุนอยู่นานขึ้น ระยะยาวมากขึ้น ผลตอบแทนก็จะยิ่งมีความแน่นอนมากขึ้น

3. ลงทุนในกองทุน RMF 15% ของรายได้

นี่คือ กองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ ซื้อลงทุนแล้วลดหย่อนภาษีได้ ลงทุนได้สูงสุด 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อคำนวณรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ถือครองถึงอายุ 55 ปี และไม่ต่ำกว่า 5 ปี นี่จึงเป็นกองทุนกึ่งบังคับตัวเองของผู้ลงทุน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเกษียณอายุอย่างแท้จริงเพราะเป็นกึ่งบังคับลงทุนระยะยาว อีกทั้งยังมีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย ทั้ง พันธบัตร ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ อสังหาฯ และ ทองคำ ซึ่งสามารถสับเปลี่ยนกองได้ เพื่อประโยชน์สูงสุด

4. ลงทุนในพอร์ทออมหุ้น 5%-15% ของรายได้

นี่คือ “พอร์ทออมในหุ้น” เป็นการแปลงเงินสด ให้เป็นการทยอยสะสมออมหุ้นพื้นฐานดีทุกๆเดือน โดยไม่กะเก็งตลาด จะทำให้เรามีต้นทุนที่หลากหลาย พอร์ทจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลา พร้อมกับเงินปันผลที่ได้เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาเช่นกัน   หากท่านลงทุนข้อ 1-4 ครบทุกข้อ แปลว่าท่านเป็นผู้ออมและลงทุนได้ในระดับ 40-50% ของรายได้ทุกเดือน เงินออมจะอยู่ในรูปของกองทุนและหุ้น ซึ่งเป็นระดับการออมที่สูง คนไทยส่วนใหญ่ทำไม่ได้ แถมยังประมาทไม่ทำครับ

และถ้ายังพอมีเงินเหลือ ผมแนะนำต่อข้อ 5

5. ลงทุนในหุ้น..ด้วยตัวเอง

นี่คือ “พอร์ทลงทุนหุ้น” โดยนำเงินเก็บมาฝึกการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเอง เลือกหุ้นพื้นฐานดี ที่อยู่ในอุตสาหกรรมขาขึ้น และมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง(undervalue)เท่านั้น โดยเฉพาะเปิดปี 2559 นี้ ราคาหุ้นพื้นฐานดีจำนวนมาก ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในรอบหลายปี และหากประเทศไทยกลับมาเติบโตได้ หุ้นพื้นฐานดีเหล่านี้จะกลับมาที่ระดับความสามารถเดิม ผมอยากแนะนำให้ทยอยเก็บหุ้นเหล่านี้อย่างใจเย็น สร้างพอร์ท บริหารพอร์ทหุ้น(Portfolio Rebalancing) เพื่อสร้างทักษะการลงทุน ซึ่งจะเป็นอาชีพสุดท้ายในชีวิตของคนส่วนใหญ่ในยุคสมัยนี้

หากท่านทำครบทุกข้อ ทำอย่างต่อเนื่องระยะยาว ความมั่งมีจะบังเกิดแก่ท่าน โดยไม่ต้องง้อเลขเด็ดหรือหุ้นเด็ดที่ไหน ลงทุนไปเรื่อยๆ เราไม่เมื่อย เราไม่เหนื่อย


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง