ถ้าเราพูดถึงหุ้น BYD นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะ "สับสน" ระหว่างหุ้นของฮ่องกง และหุ้นของเมืองไทย
ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมีหุ้น BYD เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน
แล้ว BYD ของเมืองไทยทำธุรกิจอะไร ?
คำตอบ คือ เป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในชื่อ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จํากัด (มหาชน)
ในปี 2532 บริษัทมีชื่อเดิมว่า บริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกลุ่มผู้ถือหุ้นอยู่หลายครั้ง และเปลี่ยนชื่อใหม่มาเป็น บล.เออีซี จำกัด (มหาชน) ในปี 2557
และล่าสุดในปี 2564 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อใหม่ มาเป็น บล.บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น "BYD"
ผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2561 บริษัทมีรายได้ 652.83 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 85.95 ล้านบาท
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 209.58 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 237.87 ล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 85.14 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 300.61 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 98.16 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 134.99 ล้านบาท
.
ผลประกอบการ 6 เดือน ในปี 2565 บริษัทมีรายได้ 44.37 ล้านบาท
ขาดทุนสุทธิ 82.43 ล้านบาท
เรียกได้ว่าขาดทุนทุกปี
สวนทางกับราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเทรดกันที่ระดับ P/BV สูงถึง 19 เท่า
ประเด็นคือ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ขาดทุนแต่หุ้นขึ้น แสดงว่ามีอะไรที่นักลงทุนให้ความสนใจ ?
ถ้าใครติดตาม BYD จะพบว่าบริษัทมีกระแสข่าวเรื่องของการไปลงทุนในธุรกิจใหม่ อีก 2 ธุรกิจ คือ
1. ธุรกิจขนส่งผู้โดยสารรถประจำทางไฟฟ้า (E-Bus) ผ่านบริษัท ไทยสมายล์ บัส จำกัด หรือ TSB
2. ธุรกิจลีสซิ่ง ผ่านบริษัท เอช อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ACE
พูดง่ายๆคือ BYD กำลังยกระดับตัวเองไปเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ มากขึ้น
ดังนั้น BYD (ของไทย) ด้วยความเป็นธุรกิจหลักทรัพย์อาจจะไม่ได้มีความน่าสนใจ และนักลงทุนก็คงไม่ได้ให้คุณค่ามากขนาดนั้น
แต่ด้วยการพยายามเปลี่ยนธุรกิจที่เติบโตเร็วมากอย่าง ธุรกิจขนส่งผู้โดยสารด้วยรถไฟฟ้า และธุรกิจลีสซิ่ง เชื่อว่าการเติบโตจะอยู่ในระดับที่น่าสนใจ นักลงทุนเลยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ถือเป็นหุ้นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดครับ ....
-----------------------------------
Reference