#แนวคิดด้านการลงทุน

กองทุนระดับโลก จัดพอร์ตอย่างไรในช่วงความผันผวนสูง

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
724 views

ในช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งสูง สภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย และอเมริกา - จีน - ไต้หวัน  ล้วนเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจระดับโลกให้แย่ลงอย่างต่อเนื่อง
 

สิ่งที่น่าสนใจ คือ แล้วกองทุนระดับโลกเขาจัดพอร์ตลงทุน ในสภาวะแบบนี้กันอย่างไรบ้าง? เราลองมาดูมุมมองของ 2 กองทุนระดับโลกอย่าง BlackRock และ Schroders กันครับ

BlackRock เลือก พลังงานสะอาด, รถไฟฟ้า, สินค้า/บริการจำเป็นที่ปรับราคาขึ้นได้

BlackRock มองว่านักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก เพราะไม่มีสินทรัพย์ไหนที่ Outperform ตลาดได้ตลอดเวลา จึงควรที่จะกระจายการลงทุน และต้องถือระยะยาวนานเพียงพอ

ธีมการลงทุนจะเน้นไปที่ 3 อุตสาหกรรม คือ

1. กลุ่ม ESG 
พลังงานสะอาด เช่น รถยนต์ EV, Circular  Economy การใช้ทรัพยากรธรรมชาติเท่าที่จำเป็น หรือการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่
 

2. กลุ่ม Digital Transformation 
การเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่เทคโนโลยียุคใหม่ ประเทศต่างๆ แข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อขึ้นมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก เช่น การพัฒนาระบบขนส่งในอนาคตที่เชื่อมโยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เข้าด้วยกัน

3. กลุ่ม Strong Pricing Power
การลงทุนในบริษัทที่ขายสินค้าที่จำเป็น บริษัทที่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปให้ผู้บริโภคได้โดยที่ไม่กระทบกับยอดขาย เช่น อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ มีการปรับตัวลดลงน้อยกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ช่วยลดความผันผวนในพอร์ตลงทุนได้ และยังมีนโยบายต่างๆ ออกมาสนับสนุน  

ทางด้าน Schroders ให้ความสำคัญ กับทองคำ และนวัตกรรมพลังงานสะอาด

Schroders มองว่านักลงทุนควรจัดพอร์ตไปที่การตั้งรับ โดยลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นและ ตราสารหนี้ภาครัฐ และเพิ่มน้ำหนักให้กับตราสารหนี้เอกชนประเภท Investment Grade ตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ในสกุลดอลล่าร์ และ "ทองคำ"

นอกจากนี้ สินทรัพย์ประเภทนอกตลาด (Private Asset) ก็น่าสนใจเพราะสภาพคล่องไม่สูง ลดความผันผวนของพอร์ตได้

ธีมการลงทุนจะเน้นไปที่ 5 แบบ เน้นไปที่พลังงานสะอาด และความยั่งยืน (Sustainability)

1. กลุ่ม Clean Energy 
หรือพลังงานสะอาด จะได้รับความสนใจเนื่องจากทุกคน รวมถึงภาครัฐให้ความใส่ใจเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามา และส่งผลในเชิงบวกระยะยาวมากขึ้น

2. กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานแบบมีประสิทธิภาพ 
วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่ช่วยลดการใช้พลังงาน หรือหลอดประหยัดพลังงาน แผงพลังงานไฟฟ้า

3. กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม 
การจัดการทรัพยากรน้ำ การกำจัดของเสีย  ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Waste Management ของรีไซเคิลต่างๆ น่าจะได้รับผลประโยชน์ในระยะยาวได้มากขึ้น

4. กลุ่ม Low Carbon Leaders เป็นกลุ่มที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ  

5. กลุ่ม Sustainable Transport ระบบการขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด
รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถไฟไฟฟ้า  กลุ่มนี้จะไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่จะเน้นลงทุนในองค์ประกอบที่ใช้เป็นวัตถุในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่น แผงวงจรสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

 


ถือเป็นมุมมองของกองทุนระดับโลก ที่เราสามารถนำมาปรับใช้กับการลงทุนของเราได้ครับ ...


--------------------------------------------
Reference

THE STANDARD WEALTH
https://thestandard.co/scb-wealth-second-half-economic/


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง