#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

รายได้ของคนไทยกำลังไม่พอใช้จ่าย

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
764 views

"คนไทยกว่า 8 ล้านครัวเรือน มีหนี้รวมกว่า 2 ล้านล้านบาท ...."

 

ต้องยอมรับว่าเงินเฟ้อในประเทศไทยยังอยู่ในระดับสูง 
โดยเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ 7.61% 
ถามว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้วหรือยัง ? 
คำตอบก็คือ "ยัง" และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

 

SCB CIO มองว่า เงินเฟ้อในประเทศไทยยังไม่ผ่านจุดสูงสุด และมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุเป็นเพราะเศรษฐกิทไทยฟื้นตัวได้ช้ากว่าประเทศอื่น ... คาดว่าปีนี้ GDP ของไทยจะโตได้ราวๆ 3% 
นำโดยภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว

 

แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ รายได้ของคนไทย "ติดลบ" เมื่อเราหักด้วยเงินเฟ้อ
รายงานของ SCB CIO วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันรายได้ของคนไทยติดลบเมื่อหักด้วยเงินเฟ้อ 
เพราะรายได้เพิ่มขึ้นช้ามาก โดย
1. ประชากรไทยประมาณ 15 ล้านครัวเรือน มีรายได้เมื่อหักด้วยเงินเฟ้อแล้วเพียงพอต่อรายจ่าย (รายได้มากกว่ารายจ่าย)
2. ประชากรไทยประมาณ 8 ล้านครัวเรือน เมื่อหักด้วยเงินเฟ้อแล้วมีรายจ่ายมากกว่ารายได้
ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องนำเงินออม ออกมาใช้

 

ที่น่าสนใจ คือ คนไทยกว่า 15 ล้านครัวเรือน มีหนี้รวมกว่า 2.4 ล้านล้านบาท
ยิ่งไปกว่านั้นคนไทยกว่า 8 ล้านครัวเรือน มีหนี้รวมกว่า 2 ล้านล้านบาท ....
ส่งผลให้ความเปราะบางของหนี้จะเพิ่มมากขึ้นเพราะรายได้ลดลง 
ซึ่งอาจจะกระทบต่อสถาบันการเงิน เพราะมีโอกาสเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  

อย่างไรก็ตาม SCB CIO วิเคราะห์ว่า แบงก์ชาติจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงเหมือนสหรัฐ เนื่องจากกังวลเรื่องของหนี้ครัวเรือน 
ดังนั้น กนง. อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ไปอีก 3 ครั้งในปีนี้


ช่วงเวลานี้เชื่อว่าเป็นเวลาแห่งความยากลำบากของการจัดระเบียบทางการเงิน
เนื่องจากว่า รายได้เพิ่มขึ้นช้ากว่ารายจ่าย จากเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้บางครอบครัวต้องเริ่มหยิบเงินออมมาใช้จ่าย รัดเข็มขัด ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
แต่เชื่อว่าในท้ายที่สุด เงินเฟ้อสูงแบบนี้น่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ปีหน้าอัตราเงินเฟ้ออาจจะเข้าสู่ระดับปกติที่ 1-2% 
ไม่เฟ้อสูงเหมือนช่วงที่ผ่านมาอีกครับ

--------------------------------------------
Reference

THE STANDARD WEALTH


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง