ว่ากันว่า  ในช่วงที่เป็นตลาดขาขึ้น จะเป็นช่วงที่เราสามารถทำกำไรง่ายที่สุด

ส่วนช่วงที่เป็นตลาดขาลง ก็จะเป็นช่วงที่นักลงทุนลำบากใจหน่อยในการเข้าซื้อ แต่พวกนักเก็งกำไรอาจจะชอบ เพราะมีสินค้ามากมายให้เทรดได้ แม้จะอยู่ในสภาวะตลาดหมีก็ตาม

ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอย่าง DW , TFEX , Single Stock Futures  หรือแม้แต่ Block Trade ซึ่งพวกนี้เป็นสินค้าที่ถูกออกแบบเพื่อ การลดความเสี่ยงของพอร์ต และใช้สำหรับการเก็งกำไรโดยเฉพาะ 

เอาจริงๆ ถ้าถามเหล่าเทรดเดอร์ ว่าช่วงไหนเป็นช่วงที่เก็งกำไรยากมากที่สุดนั้น ส่วนใหญ่จะตอบว่า ช่วงตลาด Sideway มากกว่า

ด้วยสภาพที่ตลาดพักตัวออกข้าง  ราคาเหวี่ยงลง และเด้งกลับ แต่ก็ไม่ไปไกลมาก  วิ่งขึ้นลงในกรอบราคาแนวรับ - แนวต้าน เพราะฉะนั้น เทรดเดอร์ที่ต้องการเก็งกำไร จะรู้สึกอัดอัด และลำบากมาก ในการติดตามจังหวะการเหวี่ยงของสถภาวะตลาด Sideway

บางที อาจจะเจอสถานการณ์แบบที่ไมคาดคิดก็ได้ เช่น ราคาลงมาลึกแล้ว ก็ดีดกลับไปเกือบถึงจุดสูงเดิม 

บางที ก็วิ่งทะลุกรอบแนวต้าน หรือ Breakout ได้ แต่ไปไม่ไกล ก็ร่วงกลับลงมาในกรอบราคาเดิม แล้วก็พักตัวต่อไป หรือที่เราเรียกว่า False Break นั่นเอง

ราคาที่เหวี่ยงขึ้นลงไปเรื่อย เหมือนเกิดขึ้นแบบมั่วๆ ไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ การเข้าไปเทรดในจังหวะแบบนั้น มีโอกาสขาดทุนมากกว่ากำไร 

เมื่อตลาดเริ่มเข้าสู่สภาพพักตัวออกข้าง ทางออกที่ดี คือ เราควรหยุดซื้อขาย แล้วรอแนวโน้มของตลาดที่ชัดเจนจะดีกว่า 

แต่ถ้าคิดจะเทรดในสภาพ Sideway จริงๆ จะต้องปรับเปลี่ยนจังหวะและวิธีการใหม่ทั้งหมด เพราะการเทรดในสภาพราคาที่เป็นเทรนด์ วิ่งขึ้นลงชัดเจน กับสภาพตลาด Sideway นั้น วิธีการเทรดแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการ การวางจุด Stop Loss การวางเงิน รวมไปถึงการวัดเป้าทำกำไร ก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง

และหนึ่งในวิธีการเทรดหุ้นที่ราคาวิ่งเป็นกรอบ Sideway ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กัน และมีความแม่นยำค่อนข้างสูง นั่นคือการใช้เทคนิค Harmonic Pattern หรือเรียกว่า Harmonic Trading นั่นเอง

ซึ่งเทคนิคนี้  ถูกคิดค้นโดย Scott M. Carney โดยใช้ความสัมพันธ์ของสัดส่วน Fibonacci ระหว่างจุดกลับตัวของราคา 5 จุด สร้างขึ้นมาเป็น Price pattern ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งจะพบได้ในระหว่างที่ราคา Sideway

Harmonic Trading จึงเป็นวิธีการเทรดที่เหมาะสำหรับสภาพตลาดที่ ราคาพักตัวออกข้าง การเทรดทำกำไรจึงเป็นการเทรดที่ใช้เวลาค่อนข้างสั้น เข้าซื้อถือไม่นานก็ขายทำกำไร เพราะเป็นการเทรดเก็งกำไรในขณะที่ราคาเหวี่ยงขึ้นลงอยู่ในกรอบแนวรับแนวต้าน 
 

นอกจากนี้ เทคนิค Harmonic Trading ก็เป็นที่นิยมในการเทรดเก็งกำไรในสินค้าที่มี Leverage อย่าง Forex, Future, ราคาสินค้าเกษตร เป็นต้น เพราะสินค้าเหล่านี้ ส่วนมากราคาเหวี่ยงขึ้นลงในระหว่างวัน แต่ทำเข้าออกสั้นๆ สามารถทำกำไรได้ดีมาก

ข้อดีของการใช้เทคนิค Harmonic Trading คือ ในแต่ละ pattern จะมีสัดส่วนการเคลื่อนที่ของราคาชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ และจุดคัทลอสที่ชัดเจนมาก 

ส่วนเป้าทำกำไร ก็มีให้ถึง 2 ระดับราคา เป้าทำกำไรเป้าแรก TP1 มีความแม่นยำค่อนข้างสูงมาก มีงานวิจัยรวบรวมสถิติไว้ พบว่า TP1 ของ Harmonic pattern แต่ละแบบมีความแม่นยำมากกว่า 90% แทบทุกแบบจะมากบ้างบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป 

ส่วนจุด TP2 จะเป็นกรอบราคา ที่เอาไว้ลุ้นได้ ถ้าราคาวิ่งข้าม TP1 ไปแล้วส่วนมากก็จะไม่เกิน TP2 ก็จะทำกำไรจนราคาเปลี่ยนทิศทาง (TP = Take Profit)

แต่ข้อเสีย ของ Harmonic Trading ก็คือ ใช้เทรดในสภาพที่ราคาวิ่งขึ้นลงในกรอบ ดังนั้นราคาจะมีความผันผวนมาก ทำให้ต้องมีเทรดเข้าออกเร็ว การวางจุดคัทลอส ค่อนข้างลึก และจังหวะเข้ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมากทีเดียว 

ทำให้เทรดเดอร์ต้องมีวินัยสูงมาก และต้องสามารถควบคุมการขาดทุนได้ดี  การทำกำไรถึงเป้าต้องขายทำกำไรทันที จะรอลุ้นให้ราคาวิ่งไป แล้วถอยมาถึงราคา Stop ค่อยขาย แบบแนวรันเทรนด์ไม่ได้ เพราะจะคืนกำไรกลับมาเยอะมาก หรือจากที่เคยกำไรอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นขาดทุนไปเลยก็เป็นไปได้

ข้อแนะนำสำหรับ เทรดเดอร์ที่ต้องเจอการเทรดในสภาพตลาด Sideway ออกข้าง มี 2 ทางคือ หยุดเทรดรอให้สภาพ sideway ผ่านไปก่อน หรือ ใช้ Harmonic Trading มาจับจังหวะการเทรด 

ซึ่งก็ต้องเรียนรู้ ฝึกฝนให้เข้าใจ ก่อนนำไปใช้งานจริง 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 
>> https://bit.ly/3x6NvsQ