เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา SCB (หรือ SCBX) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบให้ SCBB จ่ายเงินปันผล 6.1 หมื่นล้านบาท จากกำไรสะสมให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SCBB
ซึ่ง SCBX ถือหุ้น SCBB อยู่ 99.06%
โดยเงินจำนวนนี้ทาง SCBX จะซื้อหุ้นบริษัทลูกจาก SCBB และ SCB10X
รวมถึงใช้เป็นเงินทุนให้แก่บริษัทอีก 12 บริษัท เช่น
... บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ (เปลี่ยนชื่อมาจาก SCBS หรือหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์)
... SCB10X
... บริษัทกลุ่มสินเชื่อ High Yield อย่าง AISCB, CARDX, AUTOX
... ตลาดสินเชื่อรถหรู ALPHAX
ซึ่งที่กล่าวมาเป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างที่เคยแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์มาก่อนหน้านี้
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ประเด็นนี้จะส่งผลอนาคตของ SCB อย่างไร ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ถึงผลดี 2 ประการ คือ
1. ฝ่ายวิจัยมองว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า ธุรกิจ CARDX และ AUTOX สามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ จนทำให้มีแหล่งเงินทุนเป็นของตัวเอง ลดการพึ่งพาจาก SCBX จะทำให้โครงสร้างเงินทุนของ SCB คล่องตัวมากขึ้น ช่วยผลักดัน ROE ให้สูงขึ้นในระยะยาว
2. การจ่ายเงินปันผล
ฝ่ายวิจัยคาดว่าเงินปันผลน่าจะอยู่ที่ 1.5 บาทต่อหุ้น (คิดเป็น Dividend payout ratio ที่ 26%)
ทำให้ทั้งปีคาดว่าปันผลรวมอยู่ที่ 4.5 บาท คิดเป็น Div yield ที่ 4%
ถือว่าสูงอันดับสองรอบจาก KTB
โดยสรุป SCB มีจุดที่น่าสนใจโดยเฉพาะจุดยืนด้าน Fintech ชัดเจนและการรุกธุรกิจสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง (High Yield) ผ่านการเป็น Holding ที่มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
อีกทั้ง ฝ่ายวิจัยมองว่าราคาหุ้น SCB ปัจจุบันเทรดกันที่ค่า P/BV 0.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2564 อยู่ที่ 0.87 เท่า และช่วงราคา P/BV ที่เหมาะสมควรอยู่ราวๆ 1 เท่า
ดังนั้น จึงมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า
----------------------------------------
Reference