#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

เศรษฐกิจไทยอาจจะไม่โตไปจนถึงปลายปี 2566

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
926 views

สรุปสาระสำคัญ

  • เศรษฐกิจไทยอาจจะขยายตัวได้เล็กน้อย ไปจนถึงปี 2566
  • ประเด็นที่ทำให้เศรษฐกิจไทยยังไปต่อได้ คือ การท่องเที่ยว 
  • ปัญหาที่น่ากังวลมากที่สุด คือ ปัญหาทางด้านเงินเฟ้อ จะเป็นตัวชะลอไม่ให้เศรษฐไทยโตต่อไป
  • แบงก์ชาติอาจจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อและไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนไปมากกว่านี้

---------------------

ฝ่ายวิจัยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ (KKP Reserch) เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง KKP เผยเศรษฐกิจฟื้นตัวได้หลังเมืองเปิด-นักท่องเที่ยวกลับ แต่ปัญหาเงินเฟ้อยังไม่จบ ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจปีหน้าลดลงเป็น 3.6% ว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังเศรษฐกิจในประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การส่งออกโตได้ดี และนักท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่มองไปข้างหน้าก็เริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันเงินเฟ้อทั่วโลก จนอาจกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย KKP Research ได้ปรับประมาณการณ์ตัวเลขการขยายตัวเล็กน้อยเป็น 3.4% ในปี 2565 และปี 2566 ลงเหลือ 3.6% จาก 3.9%

หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจที่กำลังมีแนวโน้มชะลอตัวลง อาจทำให้สามารถคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อลงได้และธนาคารกลางทั่วโลกจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง โดยเฉพาะเมื่อฐานของเงินเฟ้อได้ปรับตัวสูงขึ้นมามากแล้วและราคาน้ำมันไม่ได้เร่งตัวขึ้น 
แต่ KKP Research ประเมินว่ามีความเสี่ยงที่แรงกดดันต่อเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูงในระยะข้างหน้า ซึ่งเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 
1. ความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น 
2. ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกและอุปทานที่ยังคงมีปัญหา 
3. อุปสงค์ในสหรัฐ ฯ ที่ยังหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป


น้ำมันสำรองใน US อาจปรับตัวต่ำสุดตั้งแต่ปี 1983
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากอุปสงค์ที่ลดลงทั้งหมด แต่มีปัจจัยสำคัญมาจากการที่รัฐบาลหลายประเทศปล่อยน้ำมันดิบในคลังออกมาบรรเทาราคาที่เพิ่มขึ้น โดยสังเกตได้ว่าระดับน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ (Strategic Petroleum Reserve) ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ในอัตราเท่ากับ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน หากยังคงมีการปล่อยน้ำมันในอัตรานี้ ในช่วงปลายปีระดับของน้ำมันสำรองจะลดลงไปอยู่ที่ 372 ล้านบาร์เรลซึ่งนับว่าต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2526 ทำให้ในอนาคตมีความเสี่ยงว่ารัฐบาลจะไม่สามารถปล่อยน้ำมันออกมาเพิ่มเติมได้มาก ทั้งอาจยังต้องมีการซื้อกลับเพื่อเพิ่มน้ำมันสำรอง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดได้


ก๊าซในยุโรปกำลังจะขาดแคลน
ปริมาณของก๊าซธรรมชาติที่ส่งจากรัสเซียไปยังยุโรปลดลงเป็นอย่างมากซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่ายุโรปโดยเฉพาะเยอรมันจะต้องนำก๊าซธรรมชาติที่เก็บไว้ออกมาใช้เพื่อหล่อเลี้ยงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเสี่ยงเกิดภาวะขาดแคลนก๊าซธรรมชาติในช่วงฤดูหนาวที่มีความต้องการใช้สูงขึ้น นอกจากนี้ราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันหรือแหล่งพลังงานอื่นในการผลิตไฟฟ้าแทนซึ่งจะเพิ่มอุปสงค์ในสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ในทางอ้อมเช่นกัน ทำให้ KKP Research ประเมินว่าความเสี่ยงที่ราคาพลังงานจะปรับตัวสูงขึ้นมีมากกว่าความเสี่ยงด้านต่ำซึ่งเกิดจากทั้งปัจจัยด้านอุปทานและภูมิรัฐศาสตร์โลก

 

เศรษฐกิจสหรัฐ ฯ ยังเติบโตแข็งแกร่ง โอกาสถดถอยน้อย
ในช่วงที่ผ่านมามีการวิเคราะห์ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ฯ มีความเสี่ยงมากขึ้นในระยะข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาเงินเฟ้อเริ่มคลี่คลายลงมาบ้าง 
อย่างไรก็ตาม KKP Research คาดการณ์ว่าสัญญาณเศรษฐกิจหลายอย่างในระยะสั้นยังคงแข็งแกร่งและมีความเสี่ยงน้อยที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานยังคงค้างอยู่ในระดับสูง จาก 3 เหตุผล คือ

1. ตัวเลขการจ้างงานที่กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและตลาดแรงงานยังคงตึงตัว ตัวเลขการจ้างงานในตลาดแรงงานสหรัฐ ฯ ในช่วงที่ผ่านมายังคงเติบโตได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้และนับเป็นการฟื้นตัวของตลาดแรงงานหลังวิกฤติเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดเมื่อเทียบกับวิกฤติรอบก่อน ๆ

2. Profit Margin ของบริษัทในสหรัฐ ฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทในสหรัฐ ฯ ยังสามารถส่งผ่านราคาไปสู่ผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งทำให้อัตรากำไรยังปรับตัวสูงขึ้น และสะท้อนความแข็งแรงของภาคการบริโภค

3. ตลาดการเงินยังคงผ่อนคลายแม้ FED ปรับดอกเบี้ยขึ้นไปแล้วพอสมควร แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ ฯ จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปบ้างแล้วแต่จากที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงหรือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายลบอัตราเงินเฟ้อ ยังคงติดลบทำให้ผลต่อการชะลอเศรษฐกิจยังมีน้อย สะท้อนจาก ดัชนีภาวะทางการเงิน ที่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ผ่อนคลาย
การส่งออกไทยจะเริ่มติดลบ

KKP Research ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงหลังจากนี้จะเจอกับทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยภาคการท่องเที่ยวยังสามารถฟื้นตัวได้จากฐานที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ และคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 10.2 ล้านคนในปี 2022 และ 18.5 ล้านคนในปี 2023 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกหลักที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ในขณะที่ภาคการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว คาดว่าในปี 2023 สัญญาณเศรษฐกิจโลกจะเริ่มมีการชะลอตัวลงที่ชัดเจนขึ้นและโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยจะมีมากขึ้นในช่วงปลายปี 2023 ซึ่งเป็นผลส่วนหนึ่งจากการปรับดอกเบี้ยขึ้นอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยจะหดตัวลงในปี 2023


ความเสี่ยงบาทอ่อน และนโยบายการเงินล่าช้า
หลังจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องหลายไตรมาสของไทยจากการท่องเที่ยวที่หายไปและต้นทุนค่าขนส่งสินค้าที่ปรับตัวขึ้นอย่างมาก 
ในกรณีฐาน KKP Research ประเมินว่าดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะกลับมาเกินดุลได้เล็กน้อยตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงค่าเงินบาทไม่ให้อ่อนค่าไปไกลแม้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐ ฯ จะอยู่ในระดับที่สูงมากแล้วก็ตาม

 

แต่ความเสี่ยงสำคัญคือดุลบัญชีเดินสะพัดอาจติดลบได้และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก 
1. ราคาน้ำมันที่ยังอาจปรับสูงขึ้น และทำให้ดุลการค้าปรับตัวแย่ลงเนื่องจากไทยนำเข้าน้ำมันมากกว่าส่งออก 
2. แม้การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ดีแต่มีความเสี่ยงชะลอตัวลงในปีหน้า โดยเฉพาะเมื่อดูข้อมูลราคาตั๋วเครื่องบินจะพบว่าในปัจจุบันมีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นมากแล้ว ดังนั้นหากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะ Stagflation จะทำให้การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ 
3. การส่งออกที่อาจชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของภาคการผลิตโลก โดยหากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง อาจทำให้การส่งออกของไทยติดลบมากกว่าคาด

หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงรุนแรงและส่งผลต่อเนื่องถึงเงินเฟ้อในประเทศ นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าได้ตามนักท่องเที่ยว หากการกลับมาของนักท่องเที่ยวและดุลบัญชีเดินสะพัดไม่เป็นไปตามคาด อาจทำให้เงินไหลออกจากไทยรุนแรง ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงสำคัญของการดำเนินนโยบายการเงินไทยที่ยังมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นช้าเมื่อเทียบกับหลายประเทศในโลก 
โดยในกรณีเลวร้ายจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องกลับมาปรับดอกเบี้ยขึ้นตามหลังสถานการณ์เพื่อคุมบาทและเงินเฟ้อ ซึ่งจะกระทบกับเศรษฐกิจแรงกว่าเดิม จึงนับเป็นโจทย์สำคัญด้านนโยบายการเงินที่ต้องวางแผนสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น

-------------------------------------------------
Reference
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง