เร็ว ๆ นี้ กำลังจะมีหุ้นน้องใหม่ในหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แม้จะเป็นน้องใหม่ในแวดวงตลาดทุน แต่ก็เป็นแบรนด์ที่ทุกคนรู้จักและเป็นบริษัทเก่าแก่ที่อยู่คู่คนไทยมานานมากกว่า 55 ปี นั่นคือ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย
 

สำหรับใครที่กำลังรอหุ้นน้องใหม่ที่ไม่ใหม่ตัวนี้อยู่ มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรรู้ก่อนลงทุนในหุ้น BTG?
 

1. BTG ทำธุรกิจอาหารแบบครบวงจร (Vertically Integrated Business Model)
 

BTG มีธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป ไข่ไก่ และอาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ การชำแหละและการแปรรูปเนื้อสัตว์ การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งปรุงสุกและผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุก และอาหารพร้อมรับประทาน โดยสามารถแบ่งกลุ่มธุรกิจได้เป็น 4 กลุ่มหลัก

2. ผลประกอบการ 1H/2565 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 233.1%
 

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะมีปัจจัยความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ต่าง ๆ จากทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และการแพร่ระบาดของโรค ASF ในสุกร แต่ BTG ยังมีผลประกอบการแข็งแกร่ง โดยในปี 2562-2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 75,188.4 ล้านบาท 80,631.5 ล้านบาท และ 86,743.7 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็น CAGR ที่ 7.4% ต่อปี และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 BTG มีรายได้รวม 54,193.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,892.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233.1%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของปริมาณการขายและราคาสินค้าของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ
 

หากลงรายละเอียดแต่ละกลุ่มพบว่า กลุ่มธุรกิจเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาขายสินค้าตามต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีนค่อนข้างโดดเด่น จากการเพิ่มขึ้นของราคาและปริมาณการขายผลิตภัณฑ์หมู ไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูป และเนื้อสัตว์แปรรูป เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศที่ราคาขายอาหารสัตว์สูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ และการเพิ่มขึ้นของราคาขายสัตว์ที่มีชีวิตในประเทศกัมพูชาและลาว ส่วนกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง มีการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายและราคาขายอาหารสัตว์เลี้ยง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ BTG ที่เน้นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงมากยิ่งขึ้น
 

3. จุดเด่นและข้อแตกต่าง
 

แบรนด์เป็นที่รู้จักและอยู่คู่กับผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ทำให้ BTG มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย ทั้งผลิตภัณฑ์เนื้อสดและแปรรูป เช่น S-Pure และ BETAGRO ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม ITOHAM ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ เช่น Balance และ MASTER ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ เช่น Better Pharma และ Nexgen ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง เช่น Perfecta และ DOG n joy ที่มีคุณภาพดีกว่าและความปลอดภัยที่สูงกว่า ตามมาตรฐานระดับสากล
 

นอกจากนี้ BTG ยังมีจุดเด่นด้านช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งการส่งออก ผู้ให้บริการด้านอาหาร ธุรกิจค้าปลีกแบบสมัยใหม่ ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม รวมทั้งช่องทางการจัดจำหน่ายของ BTG ซึ่งประกอบด้วย สาขาเบทาโกร 97 แห่ง ร้านเบทาโกรช็อป 207 แห่ง ร้านเบทาโกรเดลี 32 แห่ง และร้านเนื้อสัตว์อนามัย 715 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย รวมถึงสาขาเบทาโกร 4 สาขาในประเทศกัมพูชาและเบทาโกรช็อป 5 แห่งใน สปป.ลาว และส่งออกไปกว่า 20 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565)

4. เตรียมเข้า IPO

ในปีนี้ BTG เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 500,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.0% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ BTG ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ (รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจาก BTG กรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการเสนอขายหลักทรัพย์ ดังนี้ 

• ใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อและก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่
• ชำระหนี้สินระยะสั้นและระยะยาว
• ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานของบริษัทฯ
   

โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.betagro.com

References
- ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ บมจ.เบทาโกร ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th