ถ้อยคำแถลงของ FED เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า
"จะไม่รีรอ" ที่จะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกำจัดเงินเฟ้อให้ราบคาบ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจอาจจะต้อง "เจ็บปวดบ้าง" (Some pain) โดยเฉพาะภาคธุรกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์
พูดง่ายๆคือ หลังตัวเลขของอเมริกาออกมาดี ทำให้นักลงทุนคาดว่า FED อาจจะ "ชะลอ" การขึ้นดอกเบี้ย หรือขึ้นเพียงนิดหน่อยราวๆ 0.5%
... แต่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อให้เงินเฟ้อกลับมาอยู่ที่ 2% ให้ได้ หรือมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลดลง โดย FED รู้ดีว่าการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จะทำให้ได้รับผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
แต่ FED พุ่งเป้าไปที่การควบคุมเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพมากกว่า ...
นักลงทุนคาดว่า การประชุมครั้งหน้า FED อาจจะขึ้นดอกเบี้ยราวๆ 0.75% และมองว่าอัตราดอกเบี้ยปลายปี 2565 น่าจะอยู่ที่ 4%
... แน่นอนว่าประเด็นนี้ทำให้ตลาดหุ้นอเมริกา และสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวลดลงราวๆ 2-3% กันอีกครั้ง
ต่อมาไม่นาน นางอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเสตต์ พรรคเดโมแครต กล่าวว่าเธอไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อท่าทีของ FED และจะทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาเข้าสู่สภาวะถดถอย (Recession) ซะเอง
โดยนางอลิซาเบธ แสดงความเห็นกับทาง CNN ว่า การขึ้นดอกเบี้ยอาจจะทำให้เงินเฟ้อลดลง แต่ราคาสินค้าที่สูงอยู่แล้วไม่ได้ลดลงตาม กลับกลายเป็นว่าประชาชนชาวอเมริกาเป็นล้านๆคนกำลังจะตกงาน
เมื่อคนไม่มีงานทำ เงินไม่มี ก็ไม่สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ ประเทศไม่เติบโต คนก็ยิ่งตกงานมากกว่าเดิม กลายเป็นสภาวะถดถอยในท้ายที่สุด
"สิ่งที่ FED พูด คือ Some pain นั้นหมายถึงต้นทุนของภาคธุรกิจที่สูงขึ้น และสิ่งทีแรกที่ภาคธุรกิจจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ คือ การลดคนงาน คนตกงานจำนวนมาก
FED อาจจะประสบความสำเร็จจากการควบคุมเงินเฟ้อ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดของชาวอเมริกาเป็นล้านๆคน "
ก็ถือเป็นอีกมุมมคิดที่น่าสนใจของนางอลิซาเบธ วอร์เรน ที่กล่าวว่า FED จะเป็นตัวต้นเหตุที่จะนำพาเศรษฐกิจอเมริกาเข้าสู่สภาวะถดถอยซะเอง จากเรื่องของการเร่งขึ้นดอกเบี้ย และให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงอยู่นานจนเกินไป
------------------------------------------
Reference