กระแสเงินลงทุนต่างชาติ หรือ Fund Flow เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเป็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินมหาศาล มักเกิดจากผู้เล่นรายใหญ่ เช่น กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ กองทุนระดับโลก เฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ รวมถึง กองETF ที่มีส่วนผสมของหุ้นไทยอยู่ในนั้น เป็นต้น นอกจากผู้เล่นจะเป็นรายใหญ่แล้ว ทิศทางการปรับพอร์ตก็มักจะเป็นไปในทางเดียวกัน โดยใช้ข้อมูลเชิงเศรษฐกิจของไทยในการตัดสินใจปรับพอร์ต เช่น GDP Forecast, ค่าเงินบาท, อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
ปี 2565 เป็นปีที่ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ ณ.วันที่ 10 ส.ค. 2565
- ย้อนหลัง 1 เดือน ต่างชาติ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 19,543.69 ล้านบาท
- ย้อนหลัง 3 เดือน ต่างชาติ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 11,580.06 ล้านบาท
- ย้อนหลัง 6 เดือน ต่างชาติ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 80,570.13 ล้านบาท
- YTD (นับจากต้นปี) ต่างชาติ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 132,770.03 ล้านบาท

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังมีส่วนสำคัญในการชี้นำตลาดหุ้นไทยมากขึ้น จากสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดหุ้นไทยแต่ละวัน ตั้งแต่ต้นปี 2565 ขณะนี้อยู่ที่ 47.74% สูงสุดเมื่อเทียบกับนักลงทุนประเภทอื่นๆ และยังสูงกว่าเมื่อเทียบกับสัดส่วนการซื้อขายในอดีตมาก

แรงซื้อต่างชาติที่เข้ามาโดดเด่นต่อเนื่อง ช่วยให้ผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆต่อตลาดหุ้นไทยลดลง ทั้งยังถือว่า SET Outperform ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกอีกด้วย โดยนับจากต้นปี YTD ถึงวันที่ 11 ส.ค. 2565 SET Index -2.4% ในขณะที่ตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลกปรับตัวลงหนักหนากว่านั้นมาก

Fund Flow ที่ไหลเข้าหุ้นไทยในปีนี้ เกิดจากอย่างน้อย 3 เหตุผล
- โครงสร้างตลาดหุ้นไทย ไม่ได้มีหุ้นเทคโนโลยีที่เป็นหุ้น Growth แบบตลาดหุ้นอเมริกาและประเทศพัฒนาแล้วหลายๆแห่ง ที่เคยได้รับผลเชิงบวกอย่างมากจากการทำ QE Unlimited ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ตลาดหุ้นไทยเป็นลักษณะหุ้น Value ที่แม้จะไม่ได้เติบโตได้มากแบบหุ้น Growth แต่ก็มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีความคุ้มค่าในเชิง Valuation โดยเฉพาะหุ้นที่เป็นธุรกิจบริการ ภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจการแพทย์ หรือแม้แต่ภาคธนาคาร ซึ่งคาดหวังการฟื้นตัวแรงในปีหน้าได้ดี
- หลายปีที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปมาก จึงถือครองหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำ และ MSCI มีโอกาสเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในปี 2565 นี้
- มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2566 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนไทย จะเติบโตโดดเด่นกว่าประเทศพัฒนาแล้ว แนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังมีขาขึ้นจากการฟื้นตัวไปเท่ากับช่วงก่อนเกิด COVID-19
ดังนั้นการลงทุนในธีม Selective Recovery จะเป็นธีมเด่นของการลงทุนในตลาดหุ้นไทย