ช่วงนี้มีข่าวและปัจจัยหลายอย่างที่เป็นตัวกดน้ำมันและดัชนีตลาดหุ้นรอบโลกอยู่มากมาย มาลองพิจารณาถึงสภาวะ Demand-Supply ที่เป็นข่าวอยู่ทั่วไปในปัจจุบันกันบ้างครับ
ฝั่ง Demand
- ความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจใหญ่อย่าง อเมริกา จีน ญี่ปุ่น และยุโรป ทำให่ความต้องการมีโอกาสทรงตัว หรือชะลอตัวเล็กน้อย
- ความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ความต้องการน้ำมันตกฮวบได้
- ความเปลี่ยนแปลงความต้องการใช้พลังงานน้ำมันโดยเฉพาะภาคการขนส่งที่อาจเจอการเปลี่ยนแปลงไปใช้พลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น
- กระแสสังคมเรื่อง Climate Change และ Clean Energy รวมถึงเม็ดเงินสนับสนุนจากฝ่ายรัฐบาลและสถาบันการเงินขนาดใหญ่สำหรับการลงทุนให้คุ้มค่า และการวิจัยนวัตกรรมใหม่
ฝั่ง Supply
- ปริมาณน้ำมันที่ผลิตออกมาต่อวันอยู่ในระดับสูงเกินกว่าความต้องการต่อวัน โดยเฉพาะการผลิตจากอเมริกาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในไม่กี่ปีมานี้ เพราะ Shale
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในระดับโลกอยู่ในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
- การประกาศไม่ลดกำลังการผลิตลงของ OPEC เมื่อปลายปี 2014 และไม่มีทีท่าว่าจะมีเพดานแล้วในปลายปี 2015
- การกลับมาแข่งขันในตลาดน้ำมันอีกครั้งของอิหร่าน
พิจารณาดูดีๆเชื่อว่าหลายปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยระยะสั้นมากกว่าระยะยาวครับ ข้อมูล ตัวเลข forecast จากสื่อต่างๆจะมองออกไปไม่ไกลเกินปี 2016-2017 เท่านั้น รวมถึงประมาณการณ์จากบริษัทวิจัยให้ข้อมูลอิสระอย่าง IEA หรือ EIA นั้น ก็มีโอกาสปรับเปลี่ยนอีกบ่อยครั้งตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ในช่วงปี 1988-1989 ก็เคยมีเหตุการณ์ที่ Saudi Arabia ผลิตน้ำมันเข้ามาล้นตลาดโลกคล้ายกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ทำให้ราคาน้ำมันลดลงเกินมากกว่า 50% แต่สุดท้ายแล้วเรายังกลับมาเจอกับ Bull Market ของน้ำมันได้ต่อไป โดยราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเป็น 10 เท่า จาก $10 ต่อบาร์เรลช่วงปี 2000 มาที่ $140 ต่อบาร์เรลในปี 2008
ภาพใหญ่ยังคงชัดเจน นั่นคือ
- ประชากรโลกยังคงจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
- ความเป็นสังคมเมืองเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการย้ายถิ่นฐาน การคมนาคมมากยิ่งขึ้น
- ปริมาณ reserve ของแหล่งน้ำมันขนาดยักษ์ของโลกที่ค้นพบกันมาตั้งแต่ 50-60 ปีที่แล้วยังคงลดลงที่อัตรา 4-6% ต่อปีไปเรื่อยๆ
- การลงทุนค้นหาแหล่งใหม่ และการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและจัดเก็บน้ำมัน รวมถึงโรงกลั่นจะลดลงหากราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำแบบนี้
- เทคโนโลยีพลังงานสะอาดโตเร็วจริง แต่เร็วไม่พอกับความต้องการพลังงานจากฟอสซิลในตอนนี้ และคงใช้เวลาอีกหลายสิบปี
- เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเป็นเรื่องปกติของวงจรเศรษฐกิจ และจะต้องกลับมาเติบโตได้ในที่สุด
ดังนั้นแล้ว "Big Picture" ของน้ำมันในระยะยาวแล้ว ยังไม่น่าจะแย่ขนาดนั้น และในสภาวะข่าวร้าย ความกังวล และความกลัวเต็มตลาดแบบนี้ ยิ่งเป็นช่วงน่าสนใจที่จะต้องศึกษาโอกาสลงทุนในกลุ่มนี้เป็นอย่างมากครับ เป็นกำลังใจให้นักลงทุนทุกท่าน เอาชนะอารมณ์ของตลาดและลงทุนได้อย่างมีสติและมีความสุขครับ
ขอบคุณภาพจาก tradingeconomics
บทความโดย: บูม MoneyCrown / FB: MoneyCrown