#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

SAPPE เครื่องดื่มของคนไทย ที่มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ

โดย Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
เผยแพร่:
910 views

ในตลาดหุ้นไทย มีบริษัทอยู่จำนวนมากที่ทำธุรกิจเครื่องดื่มและเป็นมหาชนซื้อขายกันในตลาด

แต่มีเพียงไม่กี่บริษัทที่มีสัดส่วน "รายได้ส่วนใหญ่" มาจากต่างประเทศ

และหนึ่งในนั้น คือ SAPPE ...

 

 

SAPPE ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 จากธุรกิจขนมไทยแบรนด์ "ปิยจิต" ก่อนที่จะเข้าสู่ธุรกิจเครื่องดื่มในปี 2544 ในชื่อว่า "โมกุ โมกุ" ซึ่งเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว

หลังจากนั้นในปี 2547 ก็รุกธุรกิจ "Functional Drinks" ในชื่อ "บิวติ ดริ้งค์"

จนปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจทั้งหมด 5 กลุ่มด้วยกันคือ

1. เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ... สัดส่วนรายได้ 72%

2. เครื่องดื่มน้ำผลไม้ ... สัดส่วนรายได้ 11.1%

3. ผงพร้อมชงเพื่อสุขภาพ   ... สัดส่วนรายได้ 4.8%

4. ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ  ... สัดส่วนรายได้ 2.5%

5. เครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม  ... สัดส่วนรายได้ 8.8% ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์น้ำมะพร้าว All COCO

 

ผลประกอบการครั้งล่าสุดของบริษัท พบว่า ...

ในปี 2561 บริษัทมีรายได้ 2.87 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 351.55 ล้านบาท

ในปี 2562 บริษัทมีรายได้ 3.36 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 403.06 ล้านบาท

ในปี 2563 บริษัทมีรายได้ 3.32 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 380.16 ล้านบาท

ในปี 2564 บริษัทมีรายได้ 3.71 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 410.81 ล้านบาท

.

ในปี 2565 ไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้ 1.14 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 153.39 ล้านบาท

ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ ถึง 75% และจากประเทศไทย 25%

ซึ่งแบรนด์ที่ขายดีที่สุด คือ สินค้าประเภทน้ำผลไม้ ในชื่อแบรนด์ โมกุ โมกุ สัดส่วน 72%

รองลงมา คือ บิวติ ดริ้งค์ ที่อยู่ในตำแหน่งคือเพื่อสุขภาพและความงาม

 

 

ประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ คือเรื่องของการเติบโตของ SAPPE จะมีทิศทางต่อไปอย่างไร

ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า SAPPE มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ 3 เรื่องใหญ่ๆด้วยกัน คือ

 

1. การเติบโตในต่างประเทศ ที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบยุโรป และอเมริกา ที่มีสัดส่วนรายได้ราวๆ 20%

ถามว่าทำไมถึงต้องเป็น ต่างประเทศ

เป็นเพราะว่า ในต่างประเทศเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีกำลังซื้อสูง ซึ่งยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก

 

2. ตลาดน้ำผลไม้โลก ยังมีแนวโน้มเติบโตดี

จากข้อมุลของ Imarcgroup พบว่า ตลาดน้ำผลไม้มีมูลค่าตลาดราวๆ 1.82 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ แลบะจะเติบโตเฉลี่ย 4.3% ในอีก 6 ปีข้างหน้า นำโดยตลาดยุโรปที่คนส่วนใหญ่นิยมดื่มน้ำผลไม้ รองลงมาเป็นตะวันออกกลางและแอฟริกา ที่ตอนนี้ตลาดน้ำผลไม้ไม่ใหญ่มาก แต่เติบโตอย่างก้างกระโดด บ่งบอกว่าคนในประเทศเริ่มหันมาสนใจดื่มน้ำผลไม้กันมากขึ้น

 

3. ผลประกอบการของ SAPPE น่าประทับใจและมีกำไรตลอดใน 10 ปีที่ผ่านมา

ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ ทำให้รายได้เติบโตจาก 1.4 พันล้านบาท ในปี 2564 มาแตะระดับ 3.4 พันล้านบาทในปี 2564 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 9.2% และศักยภาพของบริษัทบ่งบอกผ่าน Net Margin ซึ่งสูงระดับ 33%

 

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ SAPPE อาจจะแตะกำไรสำจุดสูงสุดใหม่ในไตรมาส 2 และดีต่อเนื่องในไตรมาส 3 ของปี 2565 จาก 3 ประเด็นหลักๆด้วยกันคือ

1. รายได้เติบโตตามฤดูกาล และการเติบโตจากต่างประเทศ

2. ค่าเงินบาทอ่อน

3. อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก 41.2% มาอยู่ระดับ 42.5%

 

 

อีกทั้ง บทวิเคราะห์ยังแสดงความคิดเห็นอีกด้วยว่า ฐานะทางการเงินของ SAPPE มีความเข้มแข็งมาก ถ้าบริษัทมีการค้นหาเติบโตรอบใหม่จากการขยายธุรกิจ ก็พร้อมที่จะลงทุนได้ทันที เพราะบริษัทมีหนี้สินต่อทุนที่ต่ำมากๆ (D/E Ratio) ราวๆ 0.3 เท่า

 

ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าจับตามองมากๆครับ

 

---------------------------------------------

Reference

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส


ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow

https://www.facebook.com/pg/stock.vitamins

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง