#แนวคิดด้านการลงทุน

ความไม่เท่าเทียมของระบบทุนนิยม

โดย ภาววิทย์  กลิ่นประทุม
เผยแพร่:
400 views

"คนมีเงิน หาเงินได้ง่ายกว่าคนไม่มีเงิน"

 

นี่เป็นคำพูดที่ คนพูดกันเยอะ ถึงความไม่เท่าเทียมของระบบทุนนิยม …มันจริงหรือเปล่า ?

 

โครตจริง ...

 

สมมุติให้คุณหาเงินจากตัวคุณเองเลย แรงงานคุณภาพแบบ คุณๆ ผมๆ นี่เลย  ใช้แต่ตัวเลยนะ

ให้หาปีละ 10 ล้านบาท นี่โคตรยาก หรือ อาจจะแทบเป็นไปไม่ได้

นี่คือ WFM (Work For Money) ... หาเงินจากเอาเวลา เอาแรงไปแลก

 

แต่สมมุติคุณมี 100 ล้านอยู่แล้ว แล้วคุณอยากได้ปีละ 10 ล้าน ก็แค่เดินเข้าไปในธนาคาร พวก Private Banking กาแฟฟรี ขนมฟรี คนดูแลแทบจะอุ้มเข้าไป

คุณนั่งเฉยๆ เลย ก็รอรับปีละ 10 ล้าน

นี่คือ Money Work For You (นี่แหละ เงินทำงานแทนคุณ)

 

"ถ้าคุณไม่มีเงินสักบาท การจะหาเงินล้านเป็นเรื่องยากแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าคุณมีอยู่ร้อยล้านอยู่แล้ว การจะหาเงิน ล้านต่อปี เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ใช่ .... ฝากธนาคารกินดอก ก็เกินแล้ว

 

มันโคตรไม่เท่าเทียม แต่จริงๆ ในโลกนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรเท่าเทียมกันอยู่แล้ว

เอาตรงๆ พี่น้อง คลานตามกันมา ชีวิตยังไม่เท่าเทียมกันเลย

ดังนั้น ถ้าเราอยากได้อะไร ก็แค่ต้องไขว่คว้ามาเอง ก็เท่านั้นแหละ

 

 

แต่ทุกคนก็พูดได้ว่าไม่มีอะไรเท่าเทียม แต่อย่าเอาสิ่งนั้นมาเป็นข้อจำกัด ไม่ให้เราไปถึงเป้าหมาย

1. เริ่มที่เงินเก็บก้อนแรก

ใครจะทำงานอะไร หาเงินเท่าไหร่ ไม่สำคัญเท่ากับว่า เก็บได้เท่าไหร่

ต้องเก็บเงินก้อนแรกให้เร็วที่สุด เพื่อเอาเงินนั้นเป็น พาหนะในการผจญภัยในโลกทุนนิยม

 

 

2. การลงทุนจริงด้วยเงินก้อนนั้นให้เร็วที่สุด

เอาตรงๆ แทบไม่มีใครรวยจากเงินเก็บก้อนแรก

ส่วนใหญ่เจ๊งครับ (แทบหมดก้อน)  

แต่มันจะสอนถึง ความเป็นจริง ให้เราเข้าใจโลกการลงทุนมากขึ้น

 

 

"เฮ้ยพี่  ผม เจ๊งหนักเลยนี่ แล้วจากจุดนี้ไปไงต่อ ?

... ง่ายๆ ก็ปาดน้ำตา แล้วเริ่มข้อ 1 ใหม่ ไง

"ไม่มีทางลัดเหรอ"

... ไม่มี

มาข้อ 4 ต่อ

"อ้าว แล้วข้อ 3 ละครับ"

 

ข้อ 3 มันเป็นช่วง ว๊าบ ช่วงผ่านทะลุมิติ

เป็นช่วงที่ wealth ของเราจะโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งตรงนี้ ขึ้นกับ Timing ของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน

แต่ทุกคนคือ ลงทุนต่อเนื่องไม่ยอมแพ้

พอถึงจุดนึง มันจะมีช่วงพอร์ตกระโดด

.ส่วนมากก็มาในช่วงหลังจากขาดทุนจนหน้ามืด หรือ ผ่านวิกฤตใหญ่แต่ยังดันทุรังลงทุนต่อ อะไรประมาณนั้น

 

"แล้วผมจะ ถึงช่วง ว๊าบ เมื่อไหร่ นี่ก็เพิ่งพอร์ตระเบิดจากการ all in แชร์ลูกโซ่ กับ เหรียญกาวไป"

"ถามพี่น่ะ ไม่มีประโยชน์" ขอเล่าให้ฟังแบบนี้

 

ยุครุ่นพ่อแม่พี่ เขาเชื่อในการทำงานหนักเอาเหงื่อแลกเงิน พอยุคเราใครทำแบบนั้น ไม่รวยหรอก

ยุคเรา เป็นยุคหุ้น คือ เริ่มหาวิธีใช้เงินทำงานด้วยตลาดหุ้น

ถ้าเราเอาเรื่องนี้ไปถามพ่อแม่ เขาคงตอบว่า  ...

"เมื่อไหร่ลูกจะเลิกเล่นการพนัน หุ้นบ้าๆ บอๆ นี่แล้วไปหางานจริงๆ ทำสักทีล่ะ ? "

 

ใช้เวลาเป็นสิบปี เพื่อพิสูจน์ว่า หุ้นไม่ใช่การพนัน

จริงๆ คือ มันจะเป็นการพนัน หรือ การลงทุน มันขึ้นกับเรา ไม่ได้ขึ้นกับหุ้น

 

 

ใช่ ....หน้าที่ของเราก็คือ ข้อ 4

4. พิสูจน์สิ่งที่เราเชื่อด้วยความมุ่งมั่นที่นานเพียงพอ

เอาจริง พี่ไม่ได้ศึกษาแชร์ลูกโซ่หรือเหรียญกาวอะไรของเรา อย่างลึกซึ้งเท่าเรา ดังนั้น พี่จะไม่ฟันธงว่า สิ่งที่เราจะทำมันถูกทางหรือผิด

แต่คือตัวเราเอง ที่ต้องพิสูจน์เอง ‘ถ้าคุณเชื่อว่าใช่ ต้องไปให้สุด (แม้ว่าสุดท้ายเราจะล้มเหลวก็ตาม)

 

 

5. คนที่ล้มเหลวมากพอ เดี๋ยวมันสำเร็จเอง

ไอ้คนที่มันสำเร็จทุกคน คือ มันล้มเหลวมามากพอ ดันทุรังมาเกินเบอร์ จนมันเจอทาง ก็แค่นั้นแหละ

 

พอเราอายุมากขึ้นจะเข้าใจเลยว่า "อะไรที่คนส่วนใหญ่เชื่อ มันไม่ใช่ทางสำเร็จ"

ทางของคนส่วนใหญ่เป็นแค่ทางของการเรียนรู้

พอเรียนรู้มากพอ จะรู้ว่า เส้นทางที่คนเดินเยอะ คิดเหมือนๆ กัน มันคือผิดนั่นแหละ ทางของเรามันจะเปิดขึ้น

 

ครบ 5 ข้อแล้ว

แค่อยากจะบอกว่า ทุกอย่างในโลกมันไม่ได้มีอะไรเท่าเทียมตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต แต่การเปลี่ยนสิ่งนั้น มันไม่ได้เปลี่ยนจากโลกข้างนอก แต่เราต้องเปลี่ยนจากโลกข้างใน จาก inside จาก Mindset

ผมเชื่อว่า จริงๆ แล้ว มีแค่เราเท่านั้นที่สร้างความเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างแท้จริง


เจ้าของหนังสือ Best Seller ซีรี่ย์ “แกะรอยหยักสมอง 1-3”  , “ฟรีดอมเทรดเดอร์” และ “คลีนิคหุ้นมือใหม่” พร้อมเป็นไอดอลผู้จุดประกายเรื่อง "หุ้น" ให้แก่นักลงทุนรุ่นใหม่ และเป็นวิทยากรคอร์ส “ปูพื้นฐานสู่การลงทุนเบื้องต้น” โดยมีผู้ติดตามจำนวนมาก  และได้รับเชิญไปบรรยายในหน่วยงานต่างๆ มากมายทั้งภาครัฐและเอกชน  รวมทั้งได้รับเชิญสัมภาษณ์ออกสื่อต่างๆมากมาย ทั้งโทรทัศน์  วิทยุ และสิ่งพิมพ์

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง