เสี่ยวหมี่ (Xiaomi) เชื่อว่าชื่อนี้คนไทยน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาไม่แพง มีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่อกับแอปได้
หลายปีที่ผ่านมานี้ เสี่ยวหมี่ลงทุนอย่างหนักในธุรกิจ IoT
IoT หรือ Internet of Things คือ การที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องป้อนข้อมูล
ซึ่งในแง่ของธุรกิจก็ต้องยอมรับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง
แต่ในแง่ของการทำธุรกิจแล้ว เมื่อประสบความสำเร็จ บริษัทจำเป็นต้องหาโปรเจคส์ใหม่ๆเพื่อการเติบโตรอบใหม่
และดูเหมือนว่า "รถไฟฟ้า" คือเป้าหมายต่อไปของเสี่ยวหมี่
ตั้งแต่การประกาศเข้าลงทุนในธุรกิจรถไฟฟ้า ตลาดก็มองโลกในแง่ดีมาตลอด
Lei Jun ซีอีโอของเสี่ยวหมี่ ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเสี่ยวหมี่ มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ของตัวเองให้ได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 หลังจากก่อนหน้านี้ได้ประกาศจัดตั้ง Xiaomi EV, Inc. ที่ดูแลเรื่องการผลิต รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะลงทุนไปแกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญ บ่งบอกว่าเอาจริงเอาจังมากแค่ไหน
แต่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานี้ถ้าใครติดตามราคาหุ้นของเสี่ยวหมี่ จะพบว่า ร่วงแรงกว่า 20% ภายใน 1 เดือน
5 วันที่ผ่านมา ราคาหุ้น -11%
และวันนี้ ก็ร่วงไปกว่า -6.43%
ถามว่า เพราะอะไร ทำไมหุ้น Xiaomi ถึงร่วงแรงแบบนั้น ?
คำตอบ คือ เรื่องรถไฟฟ้า EV ...
ประเทศจีน ถือเป็นประเทศหนึ่งที่ผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก แต่หลายบริษัทประสบความล้มเหลว เกิดอุบัติเหตุบ้าง และบางบริษัทก็ล้มละลาย ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าในจีนต่างชะลอตัวลง ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการออกใบอนุญาตให้แก่บริษัทใหม่
และเสี่ยวหมี่ คือ ผู้ประสบปัญหาในการขอใบอนุญาต
บริษัทได้มีการส่งตัวแทนเพื่อพูดคุยกับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) เกี่ยวกับใบอนุญาตที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเสี่ยวหมี่มีการประกาศว่าจะประกาศรถไฟฟ้าต้นแบบในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ พร้อมมีการสาธิตว่ารถไฟฟ้าของบริษัทจะเป็นระดับ Smart EV เลยทีเดียว
ซึ่งถ้าทางการจีนยังไม่ออกใบอนุญาต อาจจะทำให้โครงการนี้ต้องล่าช้าออกไปอีกหลายเดือน
ผู้บริหารระดับสูงของเสี่ยวหมี่ แสดงความคิดเห็นว่ายอดขายสมาร์ทโฟนและสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า "ลดลง" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตโควิด บ่งบอกว่ารายได้จากส่วนนี้เริ่มอิ่มตัวแล้ว และผู้ถือหุ้นต้องการให้เราออกอะไรใหม่ๆเพื่อผลักดันรายได้และกำไรต่อไป
บทวิเคราะห์ Bloomberg วิเคราะห์ว่า ยิ่งใบอนุญาตล่าช้ามากเท่าไร จะส่งผลเสีย 2 ประการต่อเสี่ยวหมี่มากเท่านั้น
1. รถไฟฟ้าแข่งขันกันที่เทคโนโลยี ยิ่งเสี่ยวหมี่ออกได้ช้า เทคโนโลยียิ่งล้าสมัย จะเสียเปรียบคู่แข่งอย่าง Nio, Xpeng และ Li Auto.
2. รายจ่ายตรงส่วนของ R&D จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่บริษัทไม่มีรายได้ใหม่ๆเข้ามา
โดยสรุปแล้ว นักลงทุนคาดหวังกับรถไฟฟ้าของเสี่ยวหมี่ โดยมองว่านี้คือการเติบโตรอบใหม่ของบริษัท หลังจากการประสบความสำเร็จในธุรกิจ IoT ไปแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าตลาดนี้ก็ไม่ได้ง่าย เพราะทางการจีนมีการเพิ่มเงื่อนไขการออกใบอนุญาตให้ "เข้มงวด" มากขึ้น และทางเสี่ยวหมี่ที่ขอใบอนุญาตได้ช้าลง ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อบริษัทมากเท่านั้น
---------------------------------------------------
Reference
Bloomberg
nasdaq.com
brandinside.asia
beartai.com