ปีนี้ความกังวลยังไม่ทันจะจบ ตอนนี้ตลาดการเงินกำลังกังวลไปไกลถึงปีหน้า ...
เมื่อคืนที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ประกาศ "ปรับลด" ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของ GDP โลก
โดยปี 2565 คาดว่าน่าจะเติบโตได้ราวๆ 3.2%
และปี 2566 จะขยายตัวได้เพียง 2.9% ซึ่งถือว่าเป็นการชะลอตัวที่ลดลง ..
ทาง IMF ให้เหตุผลถึง 3 ประการด้วยกัน คือ
1. เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะถดถอย (Recession) จากประเด็นเรื่องเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างแรง
2. การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ... ซึ่ง IMF คาดว่าจีนจะโตได้เพียง 3.3% จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 4.4%
3. ความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครนที่ไม่น่าจะจบลงได้ง่ายๆ
ในขณะที่สำนักอื่นๆ เช่น World Bank จะเติบโต 2.9% ในปีนี้ และในปีหน้าจะฟื้นตัวได้ 3.5%
และ OECD ที่คาดว่าจะโตได้ 3% ในปีนี้ และปีหน้าจะฟื้นตัวได้ 4.5%
แสดงให้เห็นว่า IMF กังวลในปีหน้า มากกว่ากังวลในปีนี้
ไม่เพียงแค่นั้น ทาง IMF ยังมองเรื่องเงินเฟ้อน่าจะพีคช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้อยู่ท่ 9% yoy (จากไตรมาส 2 อยู่ที่ 7.8% yoy) หลังจากนั้นจะค่อยๆลดลงจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง และราคาพลังงานที่จะเข้าสู่จุดสมดุลมากขึ้น
แล้วสำหรับประเทศไทยละ ?
ทาง IMF มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้ม "ขยายตัว" ได้ในปีหน้า .. แต่มีการปรับลดลงจากเดิม
โดยในปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะโตได้ราวๆ 2.8% (จากเดิมคาดว่าจะโตได้ราวๆ 3.3%)
และจะฟื้นตัวได้ 4% ในปี 2565 (จากเดิมคาดว่าจะโตได้ราวๆ 4.3%)
สวนทางกับสำนักงานเศรษฐกิจของไทย ไม่ว่าจะเป็นของแบงก์ชาติและกระทรวงการคลัง
แบงก์ชาติ มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโต 3.3% ในปีนี้ และ 4.2% ในปีหน้า
สอดคล้องกับกระทรวงการคลังที่มองว่าเศรษฐกิจไทยจะโตราวๆ 3.5% ในปีหน้าจากแรงหนุน 2 ข้อ คือ
1. กำลังซื้อของคนไทยค่อยๆฟื้น โควิดเริ่มผ่อนคลาย
2. การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
สรุปแล้ว ภารวมของเศรษฐกิจไทยยังถือว่า "ดีกว่า" เศรษฐกิจโลก และไม่แน่ว่าประเด็นนี้จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยดุมีเสน่ห์มากขึ้นในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ครับ
--------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส