ด้วยแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้บทวิเคราะห์หลายแห่งมีความเห็นตรงกันว่า
การประชุมครั้งล่าสุด ไทยน่าจะขึ้นดอกเบี้ยทีเดียว 0.5%
แต่จากประเมินล่าสุดในความเห็นของแบงก์ชาติทีมีต่อค่าเงินบาท มองว่า
1. ยังไม่เห็นการไหลออกของนักลงทุนต่างชาติ FundFlow ไหลออก อย่างมีนัยยะสำคัญ
2. การไม่ขึ้นดอกเบี้ยของไทย ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ Flow ไหลออก
ทำให้ตลาดเริ่มมีการเปลียนมุมมองว่า
แบงก์ชาติอาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% แต่จะเป็นการปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป คือ 0.25% ต่อรอบแทน
ถามว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน ?
คำตอบ คือ มีผลกระทบในเชิงลบ
ประเด็นคือ ถ้านักลงทุนรู้ว่าหุ้นจะลง ควรจะมีกลยุทธ์อย่างไรดี
ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ถ้าดัชนีต่ำกว่า 1570 จุด คือโซนที่น่าซื้อสะสม
แต่ถ้า SET Index อยู่ระหว่าง 1500 - 1545 จุด เป็นจุดที่ควรลดสัดส่วนเงินสด และเข้าถือหุ้นในสัดส่วนที่มากขึ้นแทน
โดยมี 3 ปัจจัยหลักในการประเมินมูลค่าหุ้นไทยแบบ "อนุรักษ์นิยม" ประกอบไปด้วย ...
1. Market Earning Yield Gap อยู่ที่ 4.4% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 4.2%
2. EPS ของหุ้นไทยจะอยู่ราวๆ 88.9 บาท/หุ้น
3. ใช้ระดับ Bond Yield 1 ปี เป็นเกณฑ์ เทียบกับค่า P/E ของดัชนีหุ้นไทย
ดังนั้น หุ้นไทยปัจจุบันอยู่ราวๆ 1550 จุด ถือเป็นจุดที่ใกล้เคียงในการเพิ่มสัดส่วนหุ้น และลดระดับเงินสดตามคำแนะนำของฝ่ายวิจัยให้แล้ว
แต่จะเลือกซื้อหุ้นตัวไหน คงมีแต่นักลงทุนที่จะตอบได้ครับ ...
----------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส